ธปท.ผนึกกำลังออก 3 มาตรการเรียกความเชื่อมั่นคนถือตราสารหนี้


เพิ่มเพื่อน    


22 มี.ค.2563 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยถึงมาตรการรองรับสถานการณ์โควิด – 19 ว่าได้ร่วมหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารพาณิชย์ไทย โดยต้องยอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น สร้างความกังวลให้แก่ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ราคาสินทรัพย์ผันผวนสูง นักลงทุนในหลายประเทศเทขายสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง กระทบสภาพคล่องของตลาดการเงิน ส่งผลให้ตลาดการเงินไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ภาครัฐในหลายประเทศจึงได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้หลังจากหารือหน่วนยงานต่าง ๆ จึงเห็นควรออกมาตรการสนับสนุนเสถียรภาพตลาดการเงินไทย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงินขยายผลต่อไป โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยการดำเนินงานใน 3 ด้านดังต่อไปนี้ 1. กองทุนรวมตราสารหนี้ ธปท. จัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิด (Daily fixed income fund) ที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี แต่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดการเงินขาดสภาพคล่อง สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจาก ธปท. ได้

โดยจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินจะเข้าสู่ภาวะปกติ จากการประมาณการเบื้องต้นพบว่ามีกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์คุณภาพดีที่สามารถนำมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจาก ธปท.ได้ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งล้านล้านบาท

2. ตราสารหนี้ภาคเอกชน สมาคมธนาคารไทย ธนาคารออมสิน ธุรกิจประกันภัย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ร่วมกันจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ วงเงินเริ่มต้น 70,000 – 100,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนออกใหม่ของบริษัทที่มีคุณภาพดี แต่ประสบปัญหาตลาดขาดสภาพคล่องจนส่งผลให้ไม่สามารถต่ออายุ (rollover) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดได้ครบทั้งจำนวน

3. ตราสารหนี้ภาครัฐ ธปท. พร้อมที่จะดูแลให้กลไกตลาดตราสารหนี้ภาครัฐทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และมีสภาพคล่องเพียงพอ ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงินและช่วยให้กลไกตลาดตราสารหนี้กลับมาทำงานได้อย่างปกติท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่ผันผวน และจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตราสารหนี้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จะร่วมกันติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะร่วมมือในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดการเงินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นายนายวิรไท กล่าวว่า สถานการณ์ที่ยังมีความผันผวนสูง ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนบางส่วนเร่งไถ่ถอนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตราสารหนี้ ส่งผลให้กองทุนรวมตราสารหนี้บางแห่ง ต้องเร่งขายตราสารหนี้ที่ส่วนใหญ่มีคุณภาพดีในราคาต่ำกว่าปกติ เพราะการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงิน ส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าที่ควรโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนอื่น ๆ ตามมา จนกระทบต่อการทำงานของกองทุนรวมตราสารหนี้และตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาคเอกชน เศรษฐกิจ และประชาชนเป็นวงกว้าง

“แม้ระบบสถาบันการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพดี ธนาคารพาณิชย์ไทยมีเงินกองทุนเข้มแข็งและไม่มีปัญหาสภาพคล่อง แต่สถานการณ์สภาพคล่องตึงตัวในระบบการเงินโลก และกลไกตลาดการเงินที่ทำงานต่างจากสภาวะปกติ ได้เริ่มส่งผลต่อตลาดการเงินไทย อย่างไรก็ตามจึงต้องจำเป็นที่จะหามาตรการมาเยียวยาเรื่องดังกล่าว โดยทางการดำเนินงานองทุนรวมตราสารหนี้จะเอาเข้าคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(บอร์ด)ในวันที่ 23 มี.ค. และค่กว่าจะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ภายใน 1 สัปดาห์”นายวิรไท กล่าว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธปท. ได้ช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในตลาดการเงิน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลกว่า 100,000 ล้านบาทในช่วงวันที่ 13 -20 มี.ค. 2563 ลดและยกเลิกการออกพันธบัตร ธปท. และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2563 คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ต่อปี ธปท. พร้อมที่จะเข้าดูแลตลาดพันธบัตรรัฐบาลให้ทำงานได้ตามปกติ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลผันผวน

นายปรีดี ดาวฉาย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่าเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงินที่ส่งผลให้การทำงานของตลาดการเงินไม่ปกติ ในขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้โดยรวมมีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีและความเสี่ยงต่ำ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกหรือเร่งไปไถ่ถอนหน่วยลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ในภาวะที่ตลาดการเงินไม่ปกติ เพราะอาจส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรโดยไม่จำเป็น

“เรายืนยันว่าในสภาวะปกติกลไกการทำงานของธนาคารพาณิชย์ก็ทำอย่างมีประสิทธิภาพ และการเกิดความไม่แน่นอนนั้นก็มีการเกิดมาหลายครั้งแล้วซึ่งนี่ไม่ครั้งแรก จึงขอยืนยันว่าธนาคารพาณิชย์ไทยนั้นมีสภาพคล่องเพียงพอ รวมถึงสามารถกู้เงินมาเพิ่มได้เสมอ หากในอนาคตอันใกล้นี้มีผู้ลงทุนที่ไปซื้อหน่วยลงทุนต่าง ๆ มาและต้องการจะขายคืนนั้น เราก็สามารถรับซื้อคืนได้ทั้งหมด แต่อยากให้ผู้ลงทุนเข้าใจว่าผลตอบแทนของแต่ละกองทุน หรือแต่ละประเภทนั้นไม่เหมือนกันซึ่งการตัดสินใจขายกลางทางนั้นก็อาจจะทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับผลประโยชน์ที่สูงที่สุดได้”นายปรีดี กล่าว

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของทั้งกระทรวงการคลัง ธปท. และ กลต. เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด – 19 ในภาคการเงิน และในวันที่ 24 มี.ค.นี้ กระทรวงการคลังเองก็จะเตรียมเสนอมาตรการดูแลประชาชนชุดที่ 2  ในภาคของความเป็นอยู่เพิ่มเติม ให้กับคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ โดยที่ผ่านมานั้นทีมครม.เศรษฐกิจ ก็เดินหน้าหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อออกมาตรการให้เหมาะสมและเพียงพอต่อการดูแลประชาชน
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"