ยันวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฉีดเด็กป.5 ไม่ขาดช่วง


เพิ่มเพื่อน    

สปสช.ยืนยันวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกไม่ขาดช่วง จัดส่งทันตามแผนการฉีด มิ.ย.-ส.ค. ด้านสธ. ยืนยันวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกทั้ง 2 ชนิด ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไม่แตกต่างกัน

30 มี.ค.61-ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการและโฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีข่าววัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหมดสต๊อกว่า ยืนยันว่าไม่มีปัญหาวัคซีนมะเร็งปากมดลูกที่ฉีดสำหรับเด็กหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามชุดสิทธิประโยชน์หมดสต๊อกหรือขาดช่วงแต่อย่างใด ขณะนี้มีการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับฉีดในเด็กหญิง ป.5 เข็มที่ 2 เรียบร้อยแล้ว จำนวน 480,000 โดส และอยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนอีก 780,000 โดส โดยบริษัทผู้ผลิตวัคซีนยืนยันว่ามีวัคซีนจำหน่ายให้ประเทศไทยและสามารถจัดส่งได้ตามแผนปกติ ต่อการประชุมคณะอนุกรรมการจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561

โฆษก สปสช. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก กรมควบคุมโรคกำหนดให้ต้องฉีดทั้งหมด คนละ 2 เข็ม และฉีดในเด็กหญิง ป. 5 โดยเข็มแรกของแต่ละรุ่นอายุจะเริ่มฉีดในเทอมการศึกษาแรก ระยะเวลาที่จะฉีดอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฏาคม และฉีดอีกครั้งในเทอมการศึกษาที่ 2 การฉีดที่โรงเรียนในกรณีนี้จะเป็นการฉีดที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเข็มที่ 2 สำหรับกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นป.5 ปีการศึกษา 2560 ได้จัดหาและจ่ายให้ผู้รับผิดชอบฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเดือนมกราคม 2561 จำนวนทั้งสิ้น 480,000 โดส ส่วนเข็มที่ 1 สำหรับเด็กนักเรียนหญิง ป. 5 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 780,000 โดส อยู่ระหว่างการจัดหา ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตและผู้จำหน่ายยืนยันว่าสามารถจัดส่งได้ทันตามแผนการฉีดในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2561 (ซึ่งเป็นเทอมแรกของปีการศึกษา 2561 นี้) ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า จะมีวัคซีนเข้ามาเพียงพอและทันต่อการใช้แน่นอน

"เข้าใจว่าที่มีข่าวที่ว่าวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกขาดสต๊อกนั้น อาจจะอยู่ในช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเจรจาจัดหาวัคซีน เนื่องจากมีหลายประเทศต้องการใช้วัคซีน  จำนวนที่บริษัทวัคซีนจะยืนยันสามารถจัดส่งได้จึงต้องใช้เวลา ซึ่งบริษัทยืนยันจะจัดหาให้ไทยได้อีก 780,000 โดส เมื่อวันที่ 28 มี.ค."

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)และโฆษกสธ.  กล่าวว่า สธ. กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสปสช. ได้ดำเนินการร่วมกันในการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวี เพื่อลดการเสียชีวิตของสตรีไทยจากมะเร็งปากมดลูก  ขณะนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้บรรจุวัคซีนเอชพีวี ทั้งชนิด 2 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก) และ 4 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก และหูดหงอนไก่) ไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเสรีโดยไม่ผูกขาด   ในปีที่ผ่านมา อภ. ได้จัดหาวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้พอเพียง  ประหยัดงบประมาณได้ 36 ล้านบาท 

สำหรับด้านประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งมดลูกนั้น คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ยืนยันว่าวัคซีนทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เท่ากัน และวัคซีนทั้งสองชนิดนี้ในต่างประเทศก็ยังมีการใช้อยู่ โดยมีประเทศที่ใช้วัคซีนเอชพีวีชนิด 2 สายพันธุ์ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 29 ประเทศ เช่น สก็อตแลนด์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี สเปน เม็กซิโก แอฟริกาใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น  และมาเลเซีย เป็นต้น  ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ 16 และ 18 ได้ประมาณร้อยละ 90-100 ในผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"