ดรามากลางดึก! ส.ส.ก้าวไกล นอนไม่หลับลุกขึ้นมาโอดครวญแทนชาวบ้านที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา


เพิ่มเพื่อน    

18 เม.ย.63 - นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ "หมออ๋อง" ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เปิดเฟซบุ๊กไลฟ์กลางดึก เปิดพื้นที่แลกกันบ่นถึงปัญหาที่แต่ละคนได้เผชิญมาจากกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะผลกระทบต่อปัญหาปากท้อง จากการที่สถานที่ต่างๆถูกปิดตัวลง การขาดรายได้ และที่สำคัญคือการไม่ได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาทจากมาตรการของรัฐ

โดยนายปดิภัทธ์ระบุว่าเหตุที่ตนลุกขึ้นมาไลฟ์กลางดึกในวันนี้ก็เพราะว่าตนนอนไม่หลับ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ไปลงเยี่ยมชาวบ้านมาหลายพื้นที่ พร้อมการไปแจก “ถุงน้ำใจ” บรรจุข้าวสารอาหารแห้งของพรรคก้าวไกล สิ่งที่ตนได้ไปพบมาทำให้ตนรู้สึกหดหู่ เก็บกลับมาคิดจนไม่รู้จะทำอย่างไร เลยลุกขึ้นมาไลฟ์กลางดึกในวันนี้

นายปดิพัทธ์ เผยต่อว่าตนและทีมงานได้ลงไปพบหน้าประชาชนหลายคนที่คุ้นเคย บางคนย้ายแหล่งทำมาหากินมาอยู่อีกที่หนึ่งเพราะตลาดที่เคยค้าขายเดิมถูกปิด บางคนไม่มีรายได้ไปเลย แต่ประเด็นที่สำคัญคือจากที่ได้คุยปากเปล่ามา พบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่จาก 100 คนจะได้เงินเยียวยา 5 พันบาทจากมาตรการของรัฐสัก 5 คนเท่านั้น และส่วนคนที่ได้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในเมือง ทำให้เห็นว่าแม้กระทั่งสิทธิในการเข้าถึงบริการของรัฐก็ยังมีความเหลื่อมล้ำ เพราะคนบางคนเข้าไม่ถึงการใช้อินเตอร์เน็ตจริงๆ และกระบวนการคัดกรองก็ยิ่งมีปัญหา ที่ทำให้คนที่ควรได้รับการเยียวยาหลายคนกลับไม่ได้รับในส่วนนี้้

“ตั้งแต่การออกแบบนโยบายในการช่วยเหลือประชาชน เรายังไม่เห็นความพยายามในการทำอย่างไรประชาชนทุกคนถึงจะได้รับความช่วยเหลือ แต่มันกลายเป็นว่าทำอย่างไรจะมีเงื่อนไขเพื่อคัดกรองคนให้ได้มากที่สุด มันผิดตั้งแต่วิธีคิดแล้ว ถ้าวิธีคิดมันเป็นว่าทำอย่างไรจะช่วยคนได้มากที่สุด เงื่อนไขจะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะว่าเจตนาของรัฐคือให้ทุกคนได้รับการช่วยเหลือ เพราะเป็นไปได้อย่างไรครับว่ามีคนใดคนหนึ่งในประเทศนี้ไม่กระทบกับเรื่องโควิด ผมว่าไม่มีสักคนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด” นายปดิพัทธ์กล่าว

นายปดิพัทธ์กล่าวต่อไป ว่าในเมื่อวิธีคิดของรัฐเป็นเรื่องของการทำอย่างไรให้คัดกรองคนให้ได้มากที่สุด เงื่อนไขจึงเยอะ เป็นนิสิต-นักศึกษาก็ไม่ได้ ทั้งๆที่หลายคนต้องทำงานหาเงินเรียนเอง หลายๆคนที่อยู่ในชนบท หรือมาจากชนบทมาทำงานในเมือง ก็ไปพบว่ามีชื่อเป็นเกษตรกร ทั้งๆที่ไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง แต่ประเด็นคือพอเงื่อนไขเยอะ ใช้ระบบ AI ในการคัดกรอง ทุกคนก็คงจะเห็นได้แล้วว่าระบบ AI ของรัฐมีปัญหาขนาดไหน และกระทรวงดิจิทัลฯก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ แต่กลับไปไล่จับคนที่เผยแพร่ “ข่าวปลอม” เป็นส่วนมาก

“มันเป็นเรื่องที่เศร้ามากว่าต้องพิสูจน์ว่าตัวเองจนขนาดไหนถึงจะได้รับการสงเคราะห์จากรัฐ จริงๆเมื่อประชาชนประสบภัยภิบัติ ประชาชนไม่ควรจะมารับความสงเคราะห์จากรัฐ มันเป็นหน้าที่ของรัฐอยู่แล้วที่ควรจะเอาเงินภาษีของเรามาดูแลเรา เพราะเราเป็นเจ้าของเงิน คนจนทุกคนเสียภาษีเหมือนกันหมด มันไม่ควรต้องมีการมาคัดกรองแล้ว แต่ต้องช่วยได้เลย แต่ตอนนี้เราต้องมาพิสูจน์สิทธิ์กัน” นายปดิพัทธ์กล่าว

ประการที่สอง ตอนนี้ไม่ว่าหน่วยงานราชการจะทำอะไรต้องมาขอบริจาคประชาชนหมด จริงๆเป็นเรื่องดี แต่ก็ทำให้ตนอดสงสัยไม่ได้ว่าเงินหายไปไหน งบประมาณ 3 ล้านล้านบาทก็เพิ่งอนุมัติกัน สุดท้ายทำไมเราต้องบริจาคกัน เรื่องนี้วิธีคิดของประเทศเราประหลาดมาก

ตอนนี้พรรคก้าวไกลเสนอให้รัฐบาลลเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาถ่ายโอนงบประมาณบางกระทรวงมาแก้ไขปัญหาโควิด-19 และการเยียวยาประชาชน ก็หวังว่าเราจะได้ถ่ายโอนงบประมาณบางส่วนที่ไม่มีประโยชน์ เช่นงบที่ตั้งไว้เพื่อการดูงาน มาเป็นเม็ดเงินที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงๆ โดยเฉพาะงบในปีหน้าที่จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ ยิ่งต้องมีการพิจารณากรอบการใช้งบประมาณกันใหม่ทั้งหมด เช่นการซื้ออาวุธในปีหน้าต้องงดได้แล้ว

“เราก็เลยต้องขอตั้ง(การประชุมสภา)วิสามัญฯขึ้นมาเพื่อจะโอนถ่ายงบประมาณ รัฐบาลก็บอกโอย กลัวโควิด อย่างนั้นอย่างนี้ ขอโทษนะครับ ห้องประชุมเบ้อเร่อปกติก็โดดประชุมกันอยู่แล้วนะครับ ไปดูเทปย้อนหลังก็ได้นะครับ ถ้าไม่ใช่วาระโหวตเนี่ย คนนั่งไม่ถึงครึ่งห้องหรอกครับ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถจัดได้นะครับ ห้องประชุมเนี่ย เอาแค่องค์ประชุมครบก็ได้ เราก็นั่งห่างๆกัน พรรคก้าวไกล ส.ส.เหลือ 50 กว่าคนก็ส่งตัวแทนเข้าไปก็ได้ คนไม่พูดก็ไม่ต้องเข้า ให้นั่งห่างๆกันก็ได้ ก็อภิปรายได้ ผมว่าเรื่องนี้รัฐบาลต้องยอมให้เราเปิดวิสามัญฯ ถ้าไม่ยอมนี่ผมว่าใจแคบมากนะ” นายปดิพัทธ์กล่าว

จากนั้น นายปดิพัทธ์ ได้อ่านคอมเมนต์ข้อความที่คนดูเฟซบุคไลฟ์ส่งเข้ามาแลกเปลี่ยน ซึ่งพบว่าหลายๆคนมีปัญหาที่ตรงกัน คือไม่ผ่านระบบการคัดกรอง ทั้งๆที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ บ้างก็บ่นว่าขาดรายได้เพราะสถานที่ๆค้าขายประจำเช่นตลาดนัดก็ถูกปิด ซึ่งนายปดิภัทธ์ก็ยืนยันว่ากรณีเหล่านี้ล้วนเป็นกรณีที่มีลักษณะร่วมกันอย่างที่บอกไปข้างต้น และยิ่งตอกย้ำถึงกระบวนการที่ผิดพลาดในการบริหารจัดการการเยียวยา

ซึ่งตอนนี้เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าระบบนั้นไม่ดีอย่างไร แต่เราต้องการข้อมูลเชิงสถิติที่จะบ่งชี้ได้ว่าปัญหาร่วมกันของแต่ละกรณีเป็นอย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุให้พรรคก้าวไกลตอนนี้ตั้งเว็ปไซต์ ทำไมไม่ได้5พัน.com ขึ้นมา เพื่อรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ ให้เราได้ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ไปยืนยันได้ว่ากระบวนการต้องมีการแก้ไขอย่างไร ก็ขอให้ประชาชนทุกกรณีที่ไม่ได้รับเงิน 5 พันบาทมาร่วมกันลงรายละเอียดของแต่ละกรณี เพื่อที่ทีมงานของพรรคก้าวไกลจะได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์และทำข้อสรุปเสนอต่อรัฐบาลเพื่อการแก้ไขต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"