เพราะเจอคำพูดแรงๆที่บั่นทอนจิตใจมายาวนาน ทำเอานักร้องสาวเสียงทรงพลัง แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น ได้ระบายความในใจมากมายผ่านทวิตเตอร์ รวมถึงเผยเหตุผลที่เธอหายไปจากโซเชียลพักใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

          “เรานะกว่าจะพิมพ์อะไรลงโซเชียลคิดแล้วคิดอีกว่าจะส่งผลดีไหม แต่บางครั้งเปิดไปเจอ Comment ไม่ค่อยน่ารัก ก็พยายามปล่อยวาง ไม่ใส่ใจ แต่พอบ่อยเข้าก็ Toxic นะคะ แค่อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา ความพอดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่นบ้างเท่านั้นเองค่ะ ถ้าเราเจอคนที่พิมพ์ถึงต่อหน้าจะพูดแบบนั้นไหมคะ

          ช่วงปลายปีที่แล้วแก้มงดโซเชียลไปเลยถ้าไม่ลงรูปหรืออะไรสำคัญ เพราะต้องการพัก นี่เป็นเหตุผลนึงเลยในการงดโซเชียล การล้ำเส้น อะไรต่างๆทำให้สุขภาพจิตเสียจริงๆค่ะ เลยหายไปเลย แต่งานเราก็ยังต้องทำอย่างเต็มที่ โฟกัสแค่สิ่งสำคัญในชีวิตเรา เพิ่งจะดีขึ้นหลังจากกลับจากออสการ์เองค่ะ

          กลับมาบาลานซ์ชีวิตตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่มีความสุขพอ อะไรที่ไม่ดีต่อจิตใจก็ไม่ต้องไปให้ความสําคัญ วันนี้ดีขึ้นค่ะ แต่ต่อไปจะทำเท่าที่ตัวเองแฮปปี้จริงๆ เท่านั้นเลยค่ะความสุขและคุณค่าในชีวิตเราสำคัญที่สุดนะคะ ดูแลจิตใจตัวเองเยอะๆนะคะ เรามีชีวิตเดียวค่ะ อย่าให้เรื่องแย่ๆมาทำลายความสุขในชีวิตเรานะคะ

          ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านความรู้สึกนั้นได้ แต่ก็ข้ามมาได้แล้ว ต่อไปจะไม่สนใจอะไรที่บั่นทอน ไม่แบกอะไรให้หนักไป เพราะชีวิตเรา ครอบครัว คือคุณค่าในชีวิตที่แม้จริงค่ะ

          เข้มแข็งแค่ไหนก็มีวันที่เราอ่อนแอได้ค่ะ ไม่ต้องแบกทุกอย่างในชีวิต ไม่ต้องพิสูจน์อะไรเพื่อใคร นึกถึงใจตัวเองไม่ใช่การเห็นแก่ตัวเสมอไปนะคะ รักตัวเองให้มากๆนะคะ

          ความคิดคนเราไม่เหมือนกันค่ะ แต่เรารู้จักตัวเราดีที่สุด ปรับที่ตัวเราเอง อย่าปล่อยให้เวลาอันมีค่าในชีวิตของเราต้องหยุดไปนะคะ ทุกข์ได้ก็สุขได้ค่ะ ทุกอย่างมีเกิดมีดับไป สร้างพลังใจให้ตัวเองมากๆนะคะ เราต้องเจอกับอะไรในชีวิตอีกมากมายค่ะ”

          หลังจากที่สาวแก้มได้ระบายความรู้สึกต่างๆออกมาผ่านตัวหนังสือบนทวิตเตอร์ ก็มีแฟนๆและเพื่อนๆในวงการเข้ามาให้กำลังใจมากมาย รวมไปถึงรุ่นพี่เสียงดี ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ที่เข้ามาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมให้กำลังใจน้องสาวคนสวย โดยสาวแก้มได้เผยถึงต้นเหตุว่าเกิดจากการที่ตนสะสมคำพูดของคนอื่นมาในหัวตลอดจนมันทำร้ายตัวเองและครอบครัว

          “ทั้งคนที่ตั้งใจไม่ตั้งใจใช้คำพูดกระทบเรา คิดแทนเรา ทำทุกทางให้เราแย่ น้องก็คิดว่าวางได้แต่จริงๆไม่ค่ะพี่ เก็บสะสมจนมันถึงจุดไม่ไหวค่ะ กลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวน้องและครอบครัว แต่ตอนนี้น้องโอเคขึ้นเยอะแล้วค่ะพี่  ใช้เวลาหลายเดือนเลยกว่าจะผ่านได้”

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม gamwichayanee