สั่งลุยรถไฟไทย-จีน


เพิ่มเพื่อน    


    จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เชื้อโรคมีจุดเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และบานปลายกลายเป็นวิกฤติระดับโลก ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนทุกหย่อมหญ้า เรียกได้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ได้เลย
    แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน แม้แต่โครงการก่อสร้างก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้วัสดุอุปกรณ์บางประเภทจำเป็นจะต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้มีการปิดประเทศ ปิดการเดินทางทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
    ซึ่งประเทศไทยเราที่ขณะนี้ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ก็ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการสานต่อโครงการให้เดินหน้า "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ได้มีการประชุมผ่านระบบ Video Conference กับนายนิ่ง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายสาธารณรัฐประชาชนจีน
    โดยมีหัวข้อการหารือกันในครั้งนี้ที่ถือว่าคาราคาซังมานาน คือสัญญา 2.3 สัญญาการวางราง และระบบการเดินรถระบบอาณัติสัญญาณ พร้อมขบวนรถ วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท โดยผลการหาข้อสรุปผลการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติร่วมกันในส่วนของร่างสัญญา 2.3 โดยทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนภายในของแต่ละฝ่ายเพื่อให้สามารถลงนามในสัญญา 2.3 ได้โดยเร็ว 
    สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะส่งร่างสัญญาต่ออัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา คาดว่าจะสรุปร่างสัญญาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินและเงื่อนไข จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และจะลงนามในสัญญานี้ได้ภายในเดือน ต.ค.2563 หรือเร่งรัดให้เร็วที่สุดอาจจะภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.2563 โดยจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ซึ่งจัดขึ้นที่ไทย เพื่อให้สามารถเริ่มงานภายในปี 2563 เนื่องจากโครงการล่าช้ามานานจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 
    ขณะที่ข้อสรุปเงื่อนไขสัญญา 2.3 ในเรื่องสกุลเงิน วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท จะชำระเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ 80% จำนวน 1,313,895,273 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40,506.8 ล้านบาท เป็นสกุลบาท 20% หรือ 10,126.5 ล้านบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์สหรัฐตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดในช่วงวันที่ 25 เม.ย.2562-วันที่ 30 พ.ย.2562 ที่อัตรา 30.82955 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวในขณะนี้ 
    เนื่องจากการชำระเงินเรื่องระบบสัญญา 2.3 นั้น จะชำระเป็นงวดๆ มีการดำเนินโครงการ 5 ปี (2563-2568) ซึ่งขณะนี้มีเรื่องไวรัสโควิด-19 แต่หากสามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดได้จะทำให้ค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งในการประชุมได้กำหนดงวดงานและชำระค่างาน จะต้องพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
    “ก่อนหน้านี้นั้นเป็นที่รู้กันว่าในส่วนของสัญญา 2.3 กำหนดมูลค่าไว้ที่ 53,633 ล้านบาท แต่ไทย-จีนได้มีการเจรจาร่วมกัน และได้ปรับลดค่าระบบราง ระบบไฟฟ้าเครื่องกล ค่าตัวรถไฟฟ้า และค่าฝึกอบรมพนักงาน ทำให้สามารถปรับลดวงเงินลงได้กว่า 3,000 ล้านบาท”
    สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท เริ่มการก่อสร้างงานโยธาเมื่อปี 2561 แล้วเสร็จในปี 2566 (ดำเนินการ 5 ปี) ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 211,757 ล้านบาท เริ่มดำเนินการในปี 2563-2568 (ระยะเวลา 5 ปี) 
    ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้การเชื่อมต่อขนส่งทางรางจากกรุงเทพฯ-หนองคาย และเชื่อมไปยัง สปป.ลาวและประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งมีประชากรรวมกันหลายร้อยล้านคน มีความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งสินค้าและการเดินทางด้วยค่าบริการที่ต่ำ
    ถือว่าในสถานการณ์เช่นนี้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก แต่กระทรวงคมนาคม นำโดย "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เร่งสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการให้สามารถเดินหน้าโดยเร็ว เรียกได้ว่าเป็นอีกมิติหนึ่งที่ผู้บริหารพร้อมที่จะผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นแม้จะอยู่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ เป็นที่แน่นอนว่าในการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 29 ฝ่ายไทยได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่ประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาไม่เกินเดือน ต.ค.63 อย่างแน่นอน.

กัลยา ยืนยง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"