
เมื่อสิงคโปร์ประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่วันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องวิเคราะห์ศึกษา
ผมเห็นว่าบทเรียนของเพื่อนบ้านประเทศนี้ น่าจะทำให้ไทยเราสามารถวางแผนการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ควรจะเกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อเปิดกว้างให้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารวิกฤติในระดับท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
นายกฯ หลี่ เสียนหลง ของสิงคโปร์ประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในจังหวะนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
"เราไม่รู้ว่าโควิดจะสงบเมื่อไหร่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือมันจะไม่จบก่อนเดือนเมษายนปีหน้า...ซึ่งเป็นเส้นตายที่สภาชุดนี้หมดอายุ เราจึงคิดว่าน่าจะต้องจัดเลือกตั้งตอนนี้เลยเพื่อให้รัฐบาลใหม่มีเวลา 5 ปีในการแก้ปัญหาวิกฤติอย่างเต็มที่"
แน่นอนว่าหลี่ เสียนหลงมั่นใจว่าพรรค PAP จะต้องชนะเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากอีกครั้งหนึ่ง
พรรครัฐบาลมีที่นั่งในสภาวันนี้ 82 ที่นั่ง ขณะที่ฝ่ายค้านมีเพียง 9 ที่นั่ง
ผลเลือกตั้งครั้งนี้คงจะไม่เปลี่ยนโครงสร้างที่นั่ง ส.ส.ในสภามากนัก
แต่ที่ต้องจับตาคือ การเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การ "ผลัดใบ" การเมืองครั้งใหม่หรือไม่
เพราะหลี่ เสียนหลงได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า เขาเตรียมจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกฯ และเปิดทางให้ทายาทขึ้นมาแล้ว
คนคนนั้นคือ รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง เฮง สวีเคียต ที่มานั่งรออยู่แล้ว
หากเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า จะมีทีมบริหารใหม่ที่จะมาบริหารวิกฤติที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเลยทีเดียว
จะ "เอาอยู่" หรือไม่ ไม่มีใครบอกได้
แต่ที่รู้แน่ๆ คือถ้าไม่จัดทีมใหม่ ไม่ระดมสรรพกำลังคนเก่งของประเทศมาทำสงครามกับโควิด ก็จะต้องเจอกับหายนะของบ้านเมืองทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเป็นแน่แท้
การเลือกตั้งของสิงคโปร์ครั้งนี้ก็เป็นแบบ New Normal เพราะต้องระวังเรื่องโรคระบาดอย่างยิ่ง
เริ่มด้วยการให้ผู้สูงวัยใช้สิทธิ์หย่อนบัตรก่อน โดยทุกคนต้องใส่ถุงมือ ยืนเว้นระยะห่างในคูหาเลือกตั้ง
พรรคการเมืองหาเสียงผ่านทีวีและวิทยุตามโควตาที่ กกต.ของเขาจะจัดให้เท่านั้น
การจัดการชุมนุมทางการเมืองถูกสั่งห้ามเด็ดขาด
ผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถเคาะประตูบ้านประชาชนเพื่อหาเสียง แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่เผลอไปแพร่เชื้อใส่กัน
แน่นอนว่าผู้สมัครจะสามารถหาเสียงผ่าน social media ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะเป็นช่องทางของการหาเสียงที่ได้ผลที่สุด
หลี่ เสียนหลงจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ และจะก้าวลงอย่างไร เป็นประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนและผู้คนอย่างน้อยก็ในอาเซียนเป็นอย่างยิ่ง
เพราะนอกจากว่าโควิด-19 จะเป็น "ศึกยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สถาปนาประเทศมา" แล้ว ก็ยังมีประเด็นว่าหากนายเฮง สวีเคียต ขึ้นมาเป็นนายกฯ ต่อจากหลี่ เสียนหลง หลังเลือกตั้ง เขาจะเป็นผู้นำของเกาะนี้คนแรกที่ไม่ได้อยู่ในแวดวง "ตระกูลลี"
นั่นคือความท้าทายที่ทับซ้อนกับวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนสิงคโปร์อย่างยิ่ง
หลี่ เสียนหลง ยอมรับว่าการทำสงครามกับโรคระบาดครั้งนี้ยิ่งใหญ่และหนักหน่วงที่สุดในชีวิต
"เราไม่รู้ว่าไวรัสตัวนี้จะหายไปเมื่อไหร่ หรือจะหายไปหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือมันจะอยู่กับเราอีกระยะหนึ่งแน่นอน อาจจะหนึ่งปีหรือยาวนานกว่านั้น..."
ถ้าเป็นเช่นนี้กระบวนการ "ส่งไม้ต่อ" ทางการเมืองจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
หลี่ เสียนหลง ในวัย 68 แม้จะยังดูเหมือนมีความคล่องแคล่วไม่น้อย แต่เขาก็ยอมรับว่าไม่มีอะไรแน่นอนจากนี้ไป
เดิมทีเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเข้ามา "ป่วน" หรือ disrupt การเมืองของสิงคโปร์ไม่น้อย พรรคฝ่ายค้านและคนรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับ PAP ก็เริ่มมีบทบาทคึกคักมากขึ้น
อีกทั้งน้องชายของนายกฯ ที่ชื่อ หลี่ เสียนหยาง ก็ได้ประกาศไปร่วมกับพรรคฝ่ายค้านที่ตั้งขึ้นมาใหม่ชื่อ Progress Singapore Party (PSP) โดยนักการเมืองอาวุโส ตัน เฉิงบ็อก ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่กับพรรค PAP
น้องชายคนนี้มีเรื่องระหองระแหงกับหลี่ เสียนหลง อย่างเปิดเผย กรณีพินัยกรรมของคุณพ่อลี กวนยิว จนกลายเป็นเรื่องดรามาทางการเมืองระดับต้นๆ ของเกาะแห่งนี้
วันนี้หลี่ เสียนหยาง ออกมาบอกว่า
"ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่นี้ เพราะผมเห็นว่าพรรค PAP ได้นำประเทศหลงทางแล้ว..."
ทันใดนั้นการเมืองสิงคโปร์ก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที!
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |