‘ไก่ สมพล’เปิดใจเส้นทางความรักกับแฟนหนุ่มกว่า 30 ปี!


เพิ่มเพื่อน    

 

          อดีตดีเจชื่อดังและพิธีกรมากฝีมือ ไก่-สมพล ปิยะพงศ์สิริ ออกมาเปิดใจครั้งแรกกับรสนิยมทางเพศพร้อมเผยเส้นทางความรักที่ต้องปิดบังมาร่วม 30 ปี ผ่านรายการคุยแซ่บShow รับเคยมีระหองระแหงกันบ้าง แต่เป็นเพราะรักกันมากพอจึงครองรักกันมาถึงทุกวันนี้ วอนอยากให้มีการจดทะเบียนสมรสเพศเดียวกันได้ หวังดูแลกันยามเจ็บป่วย

 

เกือบ 30 ปีในวงการเคลียร์กันชัดๆเลยว่า ไก่ สมพล ตอนอายุ 15 เคยคบผู้หญิง ?

ไก่ : เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง มันก็เหมือนเด็กทั่วไปตอนนั้นอยู่ ม.3 เหมือนชวนเพื่อนไปเที่ยวผู้หญิงกัน

 

แล้วเรารู้ไหมตอนนั้น

ไก่ : รู้ รู้อยู่แล้ว คนที่มันรู้ตัวเองมันไม่มีหรอกเพิ่งมารู้ มันรู้มานานแล้วขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะให้มันเป็นในแบบนั้นมากน้อยแค่ไหน เด็กรุ่นนั้นก็ เตะฟุตบอล ตีสนุ๊ก ตีหม้อ ทำหมด

 

ตอนเข้ามหาลัยเป็นหนุ่มจุฬาฯ แล้วไปคบแฟนเป็นสาวธรรมศาสตร์ ?

ไก่ : ตอนมัธยมปลายมีแฟนเป็นผู้หญิง แฟนผู้หญิงคนแรกยังไม่สาวธรรมศาสตร์ คนที่สองที่เป็นแฟนผู้หญิงก็ถือว่าเป็นคู่ควงเราไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง

 

คนแรกคบกี่วัน ?

ไก่ : คนแรกคบก็เป็นเดือนนะ อยู่ต่างจังหวัด คนแรกไม่ใช่สาวธรรมศาสตร์นะ ต้องนั่งรถไปหาเขาก็มีไปป๊ะป๊ะชึ่งกันนะ

 

 

แล้วถ้าพี่บอกว่าเกิดมาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างนี้ทำไมถึงลำบากขนาดนั้นนั่งรถไปหาเขา ?

ไก่ : ก็ตอนนั้นเรายังไม่ได้อยากเป็นทางนี้มากไง คือต้องเข้าใจว่าเพศมันมีหลายเพศ มีเพศแบบว่าเป็นกะเทยเลยก็มีคือแบบเป็นผู้หญิงเลย เราน่าจะอยู่ในประเภทของเกย์ เกย์ชายหรือเกย์สาวก็ได้เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเป็นอยู่ เรายังไม่อยากไปทางนี้อย่างที่บอก อยากจะมาทางนี้มากกว่าในตอนนั้น

 

แล้วธรรมศาสตร์มาเจอเมื่อไหร่ ?

ไก่ : ธรรมศาสตร์นี่สมัยมัธยมปลาย เรียนพิเศษแล้วเจอกัน ก็กุ๊กกิ๊กกันไปตามประสาวัยรุ่นตอนนั้น คบกันก็เกือบปีจนเข้ามหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกันไปเพราะเขาไปอยู่ธรรมศาสตร์เราอยู่จุฬาฯ คือพอเราไม่ได้รักเขาจริงๆ ความรักนี่ใครที่บอกว่าไม่มีเวลาแปลว่าไม่ได้รักกันจริง ถ้าคุณรักกันจริงนะยังไงคุณก็อยากเจอ ไกลแค่ไหน เวลาน้อยแค่ไหนก็ต้องเจอ อันนั้นเป็นข้ออ้าง

 

แต่สุดท้ายนี้ความรักกับสาวธรรมศาสตร์ก็ต้องเลิกไปเพราะหนุ่มศิลปกรรม จุฬาฯ

ไก่ : พอเข้ามาปี 1 เป็นช่วงที่เรามีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ เรากลัวมาก กลัวคนรู้มาก สมัยนั้นคนจะล้อกัน ว้าย เป็นตุ๊ดเหรอ เป็นเกย์เหรอ มันไม่เหมือนสมัยนี้ เป็นแล้วทำไมเหรอ

 

แล้วยังไงต้องแอบคบๆซ่อนๆ ?

ไก่ : ก็ต้องแอบของเราอยู่ฝั่งนี้ เขาอยู่ฝั่งโน้น เราไปทำกิจกรรมเล่นละครแล้วเจอกัน เขาเป็นพระเอกเราเป็นพ่อพระเอกปรากฎว่าสุดท้ายพ่อพระเอกกับพระเอกได้กัน(หัวเราะ) ตอนเช้าเราก็มามหาวิทยาลัยด้วยกันบางวัน เขาก็จะลงป้ายรถเมล์ที่จุฬาฯก่อนตรงที่เป็นสระน้ำของเราจะลงเลยมาอีกป้ายหนึ่ง มันสนุกตอนที่เราอยู่กัน 2 คน แต่ถ้าอยู่หลายคนไม่สนุกเพราะเราต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นแฟนกันนะ คนก็เริ่มสงสัย เช่นจะมีพี่เข้ามาเทสเราเข้ามานัวเนียเราเพื่อจะอยากดูพฤติกรรมเรา เราก็ทำเป็นเล่นด้วยเนียนๆไป แต่ก็คบกันไม่นานหรอก

 

 

แสดงว่าตอนนั้นที่บ้านไม่รู้ ?

ไก่ : เราว่าเขารู้เพียงแต่ว่าเขาจะพูดให้เราอึดอัดไหมหรือเราทำตัวยังไงให้เขารู้สึกว่าเราอย่าเป็นอย่างนี้ได้ไหม เราก็ไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกไม่ดีแล้วเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้เรารู้สึกอึดอัด เราเลยไม่ต้องพูดกันในเรื่องนี้ ถามว่าเขารู้ไหม เขารู้

 

สมันก่อนสื่อสัมภาษณ์พี่เรื่องพวกนี้พี่ตอบยังไง ?

ไก่ : ก็ต้องเฉไฉไป แต่เราจะไม่โกหกหน้าตายว่าไม่เป็นเพราะมันพูดได้ไม่เต็มปาก ใช้คำว่าเฉไฉไปดีกว่า

 

แต่จริงๆแล้วโลกรู้ว่าพี่เปิดตัวบนโลกออนไลน์ ?

ไก่ : พอเราเข้าวงการก็เริ่มเจอช่างหน้า ช่างผม แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่อยากให้เขาพูดถึงเราในแง่แบบนี้ เช่น ว้ายคนนั้นเป็นเชื่อฉันสิ คนนี้เป็นแน่นอน เขาเป็นคุณแม่ เราเลยจะบอกช่างหน้า ช่างผมตลอดว่าเราชอบแบบนี้นะ เพราะฉะนั้นเขาจะได้ไม่เอาเราไปเม้าธ์ แต่กับคนฟังหรือคุณผู้ชมเราไม่รู้จะพูดเพื่ออะไร แต่สิ่งที่เราแสดงออกเวลาเราเล่นมุกเวลาเห็นผู้ชาย จนบางคนก็ไม่รู้ว่าการแสวงหรือจริง แต่ถ้าถามคือทั้งสองอย่าง

 

สเปกหนุ่มพี่ไก่เป็นยังไง ?

ไก่ : ขาวตี๋หน้าตาดีมีกล้าม มีซิกซ์แพ็ค

 

แต่นั่นคือสเปกแต่จริงๆคือมีแฟนอยู่แล้ว ? แล้วมีมากี่ปี ?

ไก่ : มี จริงๆเรียกว่ากัลยาณมิตรดีกว่า อยู่ด้วยกันคบหากันมาปีนี้น่าจะเป็นปีที่ 30 แล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนเลย

 

คนเดียวเลยเหรอ ?

ไก่ : ถ้าในฐานะที่เขาเป็นแฟนนะ เหมือนชายชาย ดูเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ไปกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวก็ตั้งแต่สมัยเราเรียนนิเทศฯปี 4

 

 

แล้วไปเจอกันได้ยังไง ?

ไก่ : สมัยก่อนเขาจะไปนัดเจอกันที่แม็คโดนัลตึกซีพี แล้วหลังจากนั้นคนก็จะก็แยกกันไปเที่ยวซอย 2 ซอย 4 ก็ไปเจอกันที่นั่น ก็ตามองตา

 

ทำไมคนนี้ดูยาวนานมีความพิเศษอะไร ?

ไก่ : เพราะว่าผ่านชีวิตกันมาเยอะ แล้วก็เราไม่ใช่ครอบครัวรวย เขาไม่ใช่ครอบครัวรวย สมมติวันนึงแม่ให้มาร้อยนึง เธอมีเท่าไหร่ เธอมี 20 ฉันมีร้อยนึง เธอเอาไปอีก 40 จะได้มีเงินพอๆกัน แบ่งกันใช้แบ่งกันกิน ลำบากมาด้วยกัน ที่คบกันนานมันมีนะเรื่องระหองระแหง แต่เรารักกันพอรึเปล่า หมายความว่าเขาทำให้เรารักหรือเปล่า เพราะวันนึงเขาทำให้เรารัก สิ่งที่เขาทำไม่ดี หรือเราทำให้เขารักสิ่งที่เราทำไม่ดีมันก็จะเมตตากันให้อภัยกัน เพราะเรารักกันและกันและเขาทำตัวให้เรารักด้วย คือทุกอย่างเลย ดูแลด้วย เสมอต้นเสมอปลาย คุยได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนคุยเรื่องสุขเรื่องทุกข์ไปด้วยกัน

 

การแต่งงานน่าจะเป็นปลายทางของหลายๆคู่ที่อยากจะใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ไปตลอดรอดฝั่ง ?

ไก่ : เวลาเห็นเขาจัดงานแต่งงานแบบนี้เราดีใจจัง โลกเรามาถึงจุดตรงนี้แล้ว แต่สำหรับเราพิธีไม่ได้สำคัญแต่ที่อยากให้มีจริงๆคือการจดทะเบียนสมรสในเพศเดียวกันได้ เพราะวันนึงพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เราแก่เฒ่าไปไม่มีลูกหลาน สิ่งที่เราทำได้คือเราดูแลกัน เช่นถ้าเข้าโรงพยาบาลเราสามารถเซ็นต์ให้หมอผ่าตัดเขาได้เลย ไม่งั้นจะหาใครมาเซ็นต์ให้ถ้าไม่ใช่คนที่สามารถรับผิดชอบให้กันได้ นี่แหละสิ่งที่เราอยากให้มี

 

ถ้ามีอาจะจดไหม ?

ไก่ : จด เราอยากจด เพราะเราอยากดูแลกันในยามเจ็บป่วยได้ เป็นปากเป็นเสียงให้กันได้

 

28 ปี ทำไมไม่เปิดตัวให้ทุกคนรู้ ?

ไก่ : จริงๆไม่ได้ปิดนะ ถ้าใครเข้าไปดูในไอจีก็จะเห็น เราไม่ได้ปิดบังเพียงแต่เราไม่ได้ออกมาป่าวประกาศก็คือใช้ชีวิตอย่างปกติ

 

แต่แฟนตัวจริงที่พูดถึง 28 ปีไม่ใช่ผู้จัดการอาไก่ที่ชื่อคุณตี๋ใช่มั้ย ?

ไก่ : เฮียตี๋จะโดนตลอดเลย จริงๆเขาเป็นน้อง จะเรียกว่าลูกก็ได้ ไม่ใช่ลูกธรรมดาด้วย เขาคือลูกสาว

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"