รองโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯย้ำแก้ประมงผิดกฎหมายเป็นวาระแห่งชาติ ลั่นต้องไม่ติดใบเหลืองอีก


เพิ่มเพื่อน    

29 ก.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีได้พูดในที่ประชุมครม.ว่าถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งประเทศไทยได้ถูกปลดใบเหลืองของสหภาพยุโรปไปแล้ว จะไม่ยอมให้กลับไปสู่จุดที่ได้ใบเหลืองอีก ฉะนั้นการทำงานจากนี้ไปต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด ส่วนมาตรการใดที่ออกมาแล้วนำไปสู่ผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน พาณิชย์ หรือประมงพื้นบ้าน ภาครัฐต้องเข้าไปดูแลเป็นการด่วน สิ่งใดที่ขาดเหลือไม่ว่าจะเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบหรือเรื่องงบประมาณให้รีบเสนอเข้าสู่ครม. พร้อมกำชับทุกส่วนงานราชการต้องทำงานอย่างบูรณาการ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงเกษตรฯใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการโครงการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย วงเงินทั้งสิ้น 171.60 ล้านบาท

โดยที่มาของโครงการนี้ สืบเนื่องจากทางการไทยได้มีการหารือระดับทวิภาคีกับสหภาพยุโรป และมีข้อเสนอแนะว่า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ของไทย มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถคงประสิทธิภาพได้ หากไทยไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายสหภาพยุโรปยังคงติดตามการดำเนินการของไทยในหลายประเด็นอย่างใกล้ชิด อาทิ กรอบกฎหมาย การบริหารจัดการกองเรือ และการบังคับใช้กฎหมาย มากไปกว่านั้น สหรัฐอเมริกาได้มีการออกระเบียบว่าด้วยการป้องกันการทำลายสัตว์ทะเลหายากและสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม จากการทำประมง ซึ่งหากไทยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจส่งผลให้ไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไปสหรัฐอเมริกาได้ในปี 2565

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของไทยให้มีประสิทธิภาพและเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ในประเด็นเรื่องการทำลายทรัพยากรสัตว์ทะเลหายากและสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม กระทรวงเกษตรฯ จึงได้จัดทำโครงการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ให้การทำประมงของไทยทั้งในน่านน้ำไทยและนอกน่านน้ำไทยเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย มีการรายงานและมีการควบคุมตามมาตรฐานสากล 2.เพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายรวมถึงการควบคุมไม่ให้สินค้าประมงที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาในห่วงโซ่การผลิต 3.เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า รายได้ คุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในการประกอบอาชีพของประมงพื้นบ้าน และ 4.เพื่อการอนุรักษ์และความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำ

น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานของโครงการนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กรมประมง กรมเจ้าท่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสวัสดิการและคุ้มแรงงาน และองค์การสะพานปลา โดยร่วมกันทำงานในด้านต่างๆ ประกอบด้วย 1.ปรับปรุงการเก็บข้อมูลการทำประมงพาณิชย์และพื้นบ้าน ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดชายทะเล 2.การตรวจสอบความถูกต้องของการบริหารจัดการเรือ ที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ 3.การตรวจสอบ ติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงของเรือประมงไทย 4.การพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในระบบการตรวจสอบย้อนกลับ 5.การเตรียมความพร้อมในการป้องกันการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ในประเด็นเรื่องการทำลายทรัพยากรสัตว์ทะเลหายากและสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม และ 6.การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในภาคประมงและการจัดหาแรงงานที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 เดือน (กรกฎาคม – กันยายน 2563)


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"