สงครามเย็น 2.0!


เพิ่มเพื่อน    

                สงครามเย็นรอบใหม่นี้มีความละม้ายกับสงครามเย็นรอบก่อนไม่น้อย

                หนังยุคก่อนมาจากการสู้กันระหว่าง CIA ของสหรัฐฯ กับ KGB ของสหภาพโซเวียต

                ในยุคนั้นฝ่ายข่าวกรองของจีนยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับของมหาอำนาจทั้งสองนัก

                แต่วันนี้เมื่อรัสเซียถูกรัศมีของสหรัฐฯ และจีนกลบไปในระดับหนึ่ง จารชนรัสเซียก็ไม่โดดเด่นน่าตื่นเต้นเหมือนในอดีต

                “สงครามเย็นรอบใหม่” จึงเป็นการเผชิญหน้าระหว่างทุกกลไกของจีนกับสหรัฐฯ

                ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง, การค้า, เทคโนโลยี, วัฒนธรรม, ภูมิรัฐศาสตร์และการเข้าแทรกแซงกิจการภายในของกันและกันในรูปแบบต่างๆ

                ล่าสุดคือการฟื้นคืนการ “จับสายลับ” ของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อนำไปสู่การสกัดอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ลดละ

                ชายชาวสิงคโปร์คนหนึ่งยอมรับสารภาพต่อศาลในสหรัฐฯ ว่าใช้งานด้านที่ปรึกษาทางการเมืองเป็นฉากบังหน้า เพื่อจารกรรมข้อมูลของสหรัฐฯ ให้หน่วยข่าวกรองจีน

                แน่นอนว่าปักกิ่งต้องปฏิเสธทันที ชี้นิ้วกลับไปว่าวอชิงตันสร้างเรื่องเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของจีน

                นับเป็นเหตุตึงเครียดล่าสุดในความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลก

                หลายสัปดาห์ก่อนระหว่างที่วอชิงตันกับปักกิ่งต่างฝ่ายต่างสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ของอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วก็มีกรณีการจับ “สายลับ” ของฝ่ายตรงกันข้ามกันทันที

                กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกข่าวว่า ขึงขังว่าได้จับคนสิงคโปร์คนหนึ่งในข้อหาจารกรรมความลับให้กับหน่วยข่าวกรองจีน

                เขาชื่อ จุน เว่ย โหยว หรือ "ดิกสัน โหยว"

                โดยถูกกล่าวหาว่าได้ให้การรับสารภาพต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่าแอบทำงานเป็นจารชนให้แก่รัฐบาลจีน ระหว่างปี 2015-2019

                นายโหยวถูกตั้งข้อหาว่าได้เปิด “บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง” ปลอมในอเมริกา โดยมีกิจกรรมที่แท้จริงคือเก็บข้อมูลลับของสหรัฐฯ แล้วส่งต่อให้หน่วยข่าวกรองจีน

                ทางการอเมริกันอ้างว่านายโหยวยอมรับสารภาพว่า ได้แอบล้วงความลับจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับระดับสูงทางราชการ

                ไม่แต่เท่านั้น ในคำที่อ้างว่าเป็น “คำสารภาพ” นั้นยังยอมรับว่ามีการว่าจ้างคนให้เขียนรายงานเพื่อนำเสนอต่อ “ลูกค้าปลอม”

                เพราะความจริงนายโหยวคนนี้ต้องการนำข้อมูลที่ได้ไปส่งให้ทางการจีนเป็นหลัก

                ในเอกสารทางการของสหรัฐฯ นั้น นายโหยวได้สารภาพต่อศาลว่า ได้ใช้เครือข่ายเว็บไซต์ (ระบุด้วยว่าเป็น LinkedIn) ในการเชื่อมต่อคนที่เป็น "เป้าหมาย"

                “เป้าหมาย” ในที่นี้หมายถึงคนหรือกลุ่มบุคคลที่สามารถเข้าถึง “ข้อมูลละเอียดอ่อน” ของทางการสหรัฐฯ ได้

                ปฏิบัติการจารกรรมนี้ก็คือการใช้ “เป้าหมาย” นั้นเป็น “นกต่อ” เพื่อเชื่อมไปถึงแหล่งข่าวลับที่จีนต้องการให้จารชนไปเก็บมาให้ตน

                สำนักข่าวบางแห่งอ้างเอกสารจากศาลว่า นายโหยวได้เริ่มทำงานให้หน่วยข่าวกรองจีนในปี 2015

                ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

                จากนั้นก็ถูกชักนำให้ไปพบกับเจ้าหน้าที่จีนที่ชักนำเขาไปนำเสนองานในกรุงปักกิ่งจนได้งานเป็น “สายลับ” จีน

                นายโหยวถูกรวบตัวหลังจากเดินทางกลับไปอเมริกาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

                พอเรื่อง “จารชน” นี้ร้อนขึ้นมาก็เท่ากับกระพือไฟการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่อีกรอบหนึ่ง

                เพราะจีนกับอเมริกามีปมขัดแย้งมากมายหลายเรื่องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า การระบาดโควิด-19 และกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง

                แต่นายโหยวไม่ใช่รายแรกของเกมจารกรรม

                ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ ได้จับกุมนักวิจัยจีน 4 คน ด้วยข้อหาปลอมแปลงวีซ่า

                และถูกกล่าวหาว่าปกปิดประวัติของตนที่เคยรับราชการในกองทัพจีน

                หนึ่งในผู้ถูกจับเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้นชื่อ นางสาวจ๋วน ถัง อายุ 37 ปี เป็นนักวิจัยด้านชีววิทยา ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

                ข่าวอ้างว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัยได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่สถานกงสุลจีนในนครซานฟรานซิสโก

                เอฟบีไออ้างว่าได้พบรูปถ่ายของ จ๋วน ถัง ในชุดเครื่องแบบทหารจีน

                ซึ่งก็เท่ากับโยงไปว่าเธอทำงานให้กับกองทัพจีน

                และถูกตั้งข้อสงสัยว่าถูกส่งมาเป็น “สายลับ” ในคราบของ “นักวิจัยแลกเปลี่ยน” ทางด้านรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

                เป็นจังหวะใกล้กับที่วอชิงตันสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่จีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส

                ด้วยข้อหาว่ามีความเชื่อมโยงกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ

                จีนโต้ด้วยการสั่งให้สถานกงสุลใหญ่ของสหรัฐฯ ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ยุติการปฏิบัติภารกิจการทูตทั้งหมดในวันที่ 27 ก.ค.นี้

                นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ “สงครามเย็นเต็มรูปแบบ” ระหว่างมังกรกับอินทรีเท่านั้น

                อย่าคลาดสายตาแม้แต่วันเดียว!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"