อาวุธจารชนยุคดิจิตอล: เว็บไซต์, AI และ Algorithm


เพิ่มเพื่อน    

 

            สมัยสงครามเย็นรอบแรก "สายลับ" หาข่าวของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยการแอบนัดพบและแลกซองเอกสารในมุมมืดของที่จอดรถ

            ยุคสงครามเย็นรอบใหม่นี้ "จารชน" นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตั้งชื่อบริษัท "ที่ปรึกษา" ปลอมขึ้นมา เข้าไปในเว็บไซต์หางาน ใช้อัลกอริทึม และ "ปัญญาประดิษฐ์" ได้ข้อมูลลี้ลับผ่านระบบดิจิตอลกันหน้าตาเฉย

            แต่เหนือ "สายลับออนไลน์" ก็ยังมี "มือจับจารชนเอไอ" ได้เช่นกัน

            เชื่อได้เลยว่าเมื่อมะกันเปิดโปงสายลับฝ่ายจีนได้ จีนก็ย่อมจะแฉจารชนของมะกันได้เช่นกัน

            สำนักข่าวหลักๆ อ้างเอกสารของทางการสหรัฐฯ ที่จับนักศึกษาปริญญาเอกชาวสิงคโปร์วัย 39 ที่ส่งศาลกลางของอเมริกา เรื่องราวการชักชวนให้ใครมาเป็น "สปาย" ในยุคนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่เบา

            เขาชื่อ Dickson Jun Wei Yeo

            เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เขายอมรับในศาลว่าได้ทำงานเป็น "สายข่าวที่ผิดกฎหมายของต่างประเทศ"  (illegal agent of a foreign power)

            เรื่องราวของเขาน่าทึ่งและน่าศึกษา...โดยเฉพาะในภาวะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังคุกรุ่นขึ้นตลอดเวลา

            คดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน

            วันหนึ่งในปี 2015 ดิกสันเสนองานวิจัยของเขาเรื่องเอเชียอาคเนย์ที่ปักกิ่งให้นักวิชาการจีนฟัง

            หัวข้อวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขาเป็นเรื่อง "นโยบายต่างประเทศของจีนต่อภูมิภาคเอเชียอาคเนย์"

            เอกสารทางการสหรัฐฯ อ้างว่าหลังจากที่เขานำเสนองานวิจัยแล้ว ก็ได้รับการติดต่อจากนักวิชาการจีนหลายคน ถามว่าจะมาร่วมงานกับ "Think Tank" วิชาการจีนไหม

            ข้อเสนอแรกเริ่มคือขอให้เขาเขียน "รายงานการเมืองและข้อมูลข่าวสาร" โดยจะได้ค่าตอบแทน

            ฟังดูเผินๆ เหมือนให้เขียนบทความทั่วไป แต่พอคุยกันบ่อยเข้า ดิกสันก็ได้รับการบอกกล่าวว่ารายงานที่นักวิชาการจีนอยากได้คือ "เรื่องอินไซด์และข่าวเล่าลือของวงใน"

            ต่อมาดิกสันก็เริ่มจะเรียนรู้ว่าอย่างน้อยสี่คนที่ติดต่อเขาเป็น "ตัวแทนหน่วยงานข่าวกรอง" ของรัฐบาลจีน

            หนึ่งในนักวิชาการจีนถามว่าเขาพร้อมจะเซ็นสัญญากับหน่วยงานของกองทัพจีนไหม

            เอกสารมะกันอ้างว่าดิกสันได้ให้การว่าเขาได้ปฏิเสธไป แต่ก็ยังคงร่วมมือทำงานให้หน่วยข่าวกรองอื่นๆ ของจีน

            ตอนแรกเขาได้รับมอบหมายให้ทำรายงานเรื่องของประเทศในอาเซียน ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นความสนใจเกี่ยวกับการเมืองของสหรัฐฯ

            ต่อมาดิกสันถูกแนะนำให้ตั้งบริษัท "ที่ปรึกษา" ปลอมเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจาะหา "ข่าววงใน" ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ...ข้อมูลเกี่ยวกับ AI และรายละเอียดสงครามการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีน

            เขาเข้าไปเปิดหน้าในเว็บไซต์ LinkedIn ภายใต้ชื่อบริษัท Resolute Consulting

            LinkedIn เป็นเว็บไซต์ด้านการสมัครงานที่มีชื่อเสียง มีสมาชิกใช้บริการประจำอยู่ถึง 700 ล้านคน

            ปกติแล้วอดีตเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของหน่วยงานทางทหารและพลเมือง หรือผู้ทำงานให้กับหน่วยงานรัฐของอเมริกา มักจะเขียนเรื่องราวประสบการณ์ของหน้าที่การงานตัวเองในเว็บไซต์นี้ โดยหวังว่าจะหางานหรือการว่าจ้างจากธุรกิจอื่นๆ ในภาคเอกชน

            ดิกสันเรียนรู้จากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของตนว่า นี่คือจุดที่เขาสามารถหา "เหยื่อ" ที่จะเขียนรายงานเกี่ยวกับ "เรื่องวงใน" ของหน่วยงานทหารและพลเรือนของสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด

            ดิกสันใช้วิธีติดต่อคนเหล่านี้ โดยแสร้งทำเป็นให้เขียน "รายงาน" สำหรับ "บริษัทที่ปรึกษา" ของเขา

            รายงานจากอดีตเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯ เหล่านี้แหละที่ดิกสันส่งต่อไปให้ฝ่ายข่าวกรองของจีน

            เขาจะจ่ายค่าตอบแทนประมาณรายงานละ 2,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 60,000 บาท

            เขาได้รับคำแนะนำอีกว่า "เหยื่อ" ที่เขาพึงจะหาได้ง่ายที่สุดคือคนที่มีปัญหาสองอย่างคือ

            ๑.ไม่พอใจกับงานที่ทำอยู่

            ๒.มีปัญหาเรื่องเงินทอง ชักหน้าไม่ถึงหลัง

            เมื่อสองปีก่อนเขาลงโฆษณา (ปลอม) รับสมัครตำแหน่งต่างๆ ให้บริษัท (ปลอม) ของตนในเว็บไซต์แห่งนี้

            มีคนเขียนประวัติส่วนตัวมาสมัครงานถึง 400 คน

            และ 90% ของผู้สมัครเป็นพนักงานของรัฐบาล ทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนที่เข้าถึงข้อมูลราชการลับของรัฐบาล

            เอกสารฟ้องดิกสันในศาลสหรัฐฯ อ้างว่า ข้อมูลเหล่านี้แหละที่ดิกสันส่งต่อไปให้หน่วยข่าวกรองของจีน

            การขอให้ "เหยื่อ" หรือ "เป้าหมาย" เขียน "รายงาน" ให้ "บริษัทที่ปรึกษา" เป็นวิธีแรกเริ่มที่ล่อให้เหยื่อกลายมาเป็นผู้เจาะข่าวลับทางการอย่างเป็นกิจจะลักษณะในเวลาต่อมา

            ถามว่าเขาเอาเวลาและความสามารถจากตรงไหน จนได้ข้อมูลของคนกว่า 400 คนที่เคยทำงานในรัฐบาลสหรัฐฯ

            เปล่า เขาไม่ต้องทำเองเพราะยุคสมัยนี้มี "ปัญญาประดิษฐ์" ช่วย

            ดิกสันใช้การเขียน "อัลกอริทึม" (Algorithm) ที่สามารถใช้ข้อมูลเดิมที่นำไปสู่การดึงเอาข้อมูลของคนที่มีประวัติและความสนใจที่ละม้ายคล้ายกับคนที่เขาสนใจอยากได้อยู่แล้ว

            นี่คือการทำงาน "สืบราชการลับ" ของ "จารชน" ในยุคดิจิตอล...

            ทั้งเว็บไซต์ ทั้ง AI และ Algorithm

            ผมสงสัยว่าที่เขาถูกจับได้ก็เพราะ AI และ Algorithm เช่นกัน!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"