TikTok กลายเป็นอาวุธ ในสงครามเย็นมะกัน-จีน 2.0


เพิ่มเพื่อน    

  

          พอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแบน TikTok และ WeChat ซึ่งเป็นสอง apps ใหญ่ของจีน ก็เท่ากับเป็นการประกาศสงครามรอบใหม่กับจีน

                ทรัมป์ให้ 45 วันสำหรับการเจรจาเพื่อให้บริษัทแม่ของ TikTok คือ Bytedance ขายธุรกิจออกไป

                ตอนแรก Microsoft บอกว่ากำลังต่อรองซื้อ TikTok เฉพาะสำหรับกิจกรรมในสหรัฐฯ

                แต่ต่อมาก็ขยายวงไปถึงขั้นจะซื้อ TikTok ทั้งหมด

                ส่วน WeChat นั้นบริษัทแม่คือ TenCent คงไม่ยอมขายออกเด็ดขาด

                เพราะ WeChat คือสัญลักษณ์ของจีน เป็นศักดิ์ศรีแห่งความเป็นจีน อย่างไรเสียก็ไม่ยอมให้สหรัฐฯ บีบให้ขายออก

                สหรัฐฯ อ้างว่าที่ต้องแบนสอง apps นี้ก็เพราะมีสายต่อตรงกับพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีน

                เป็น “ภัยคุกคามด้านความมั่นคง” ต่อสหรัฐฯ เพราะ apps เหล่านี้สามารถจะล้วงเอาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ส่งให้กับหน่วยข่าวกรองของจีน

                รวมกันแล้วสอง apps นี้มีคนดาวน์โหลดไปใช้หลายพันล้าน ถือว่าเป็นที่นิยมในระดับโลก

                ทรัมป์ซัดจีนอย่างหนักหน่วงรุนแรงตั้งแต่เรื่องการค้า ต่อมาขยายวงเป็นการทะเลาะกันเรื่องโควิด-19 ตามมาด้วยการปิดสถานกงสุลใหญ่ของจีนที่ฮิวสตัน

                จีนโต้ด้วยการปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เฉิงตู

                ครั้งนี้เชื่อได้ว่าจีนจะต้องตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน

                ความจริงจีนก็ได้แบนการใช้ apps ดังๆ ของจีนมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ YouTube

                การตอบโต้จากปักกิ่งก็น่าจะมาในรูปของการฟาดฟันในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโยงใยกับเรื่องโซเชียลมีเดียนั่นแหละ

                พอสหรัฐฯ แบน apps ของจีน ชาวต่างชาติทั้งหมดก็จะติดต่อจีนไม่ได้ ยกเว้นว่าจีนจะยอมเปิดให้คนจีนใช้ apps ต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของสหรัฐฯ

                คนจีนที่อยู่ต่างประเทศก็เหมือนโดนตัดขาด เพราะที่เคยใช้ WeChat, AliPay ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้ apps อื่นแทน

                เพราะ WeChat ไม่ใช่เป็นแค่ apps สำหรับคุยกันหรือส่งรูปและวิดีโอคลิปให้แก่กันเท่านั้น

                แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับการทำธุรกรรมอีกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเพื่อการทำธุรกิจหรือการโอนเงิน, กู้เงิน, ฝากเงิน เป็นต้น

                TikTok ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์โต้สหรัฐฯ อย่างดุเดือดเช่นกัน

                โต้ว่ามาตรการของทรัมป์ “ไม่ได้ผ่านกระบวนการทางกฎหมายอย่างเหมาะสม”

                แถลงการณ์บอกว่า TikTok “รู้สึกประหลาดใจ” กับคําสั่งของฝ่ายบริหารรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปราศจากกระบวนการทางกฎหมายอันเหมาะสม

                คำประกาศนั้นอ้างว่าในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา TikTok พยายามทํางานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกอันเหมาะสมที่จะช่วยผ่อนคลายข้อกังวลต่างๆ

                “แต่สิ่งที่บริษัทประสบคือ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ให้ความสําคัญต่อการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ และกลับตั้งเงื่อนไขในข้อตกลง รวมถึงพยายามเข้าแทรกแซงการเจรจาต่อรองระหว่างบริษัทเอกชน” แถลงการณ์บอก

                อีกทั้งยังยืนยันว่า คำอธิบายของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นชัดว่า คำสั่งดังกล่าวอ้างถึง ‘รายงานต่างๆ’ ที่ไม่มีแหล่งที่มา ไม่มีหลักฐานสนับสนุน

                “การระบุถึงความหวาดกลัวว่าแอปพลิเคชันของเราอาจจะถูกนําไปใช้สําหรับการรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสม นั้นไร้การพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ”

                TikTok อ้างถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับระบบการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งบริษัทจีนแห่งนี้บอกว่า

                “เป็นระบบมาตรฐานที่ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันนับพันรายทั่วโลกต่างยึดถือปฏิบัติทั่วกันตลอดเวลาที่ผ่านมา”

                ยืนยันว่าไม่เคยแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กับรัฐบาลจีน และไม่เคยปิดกั้นเนื้อหาตามที่ระบุในคําสั่งใดๆ           

                TikTok ยังเปิดเผยแนวทางการจัดการและดูแลรหัสต้นฉบับของอัลกอริทึมให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ในศูนย์ข้อมูลเพื่อความโปร่งใส (Transparent Center)

                “ซึ่งแนวทางการปฏิบัติดังกล่าวเป็นการแสดงความรับผิดชอบในระดับที่ไม่มีบริษัทอื่นใดที่อยู่ในระดับเดียวกันยินยอมกระทํา”

                และได้แสดงความเต็มใจที่จะเปิดรับการติดต่อจากบริษัทสัญชาติอเมริกัน เพื่อขอเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัทในสหรัฐฯ อีกด้วย

                TikTok บอกว่าพร้อมที่จะทํางานร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แพลตฟอร์ม ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ พันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานบริษัท รวมไปถึงชุมชนโดยรวมในสหรัฐอเมริกา

                ในแถลงการณ์นั้น TikTok ยังเตือนด้วยว่า คําสั่งของทรัมป์ครั้งนี้มี “ความเสี่ยงต่อการบั่นทอนความเชื่อมั่นของธุรกิจโลกที่มีต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อหลักนิติธรรม”

                เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เคยเป็นเครื่องดึงดูดให้เกิดการลงทุนและกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มาเป็นเวลานับสิบปี

                TikTok บอกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่เป็นอันตรายต่อเสรีภาพในการแสดงออกและตลาดที่เปิดกว้างอย่างเสรี

                และย้ำว่าจะพยายามหาทางแก้ไขในทุกวิถีทาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเพิกเฉยต่อหลักนิติธรรม และเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทและผู้ใช้ TikTok จะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

                ทิ้งท้ายด้วยคำขู่ว่า “หากท้ายที่สุดไม่สามารถหาทางแก้ไขได้จากรัฐบาลสหรัฐฯ ทาง TikTok ก็จะหาทางแก้ไขผ่านทางระบบศาลของสหรัฐฯ”

                เท่ากับขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ ในศาลด้วย

                เกมนี้ยาวแน่!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"