ทรัมป์แบน WeChat กระทบจีนหนักกว่า TikTok


เพิ่มเพื่อน    

   แม้ว่าการที่โดนัลด์ ทรัมป์สั่งแบน TikTok จะเป็นข่าวร้อนแรงไปทั่วโลก แต่ความจริงคำสั่งแบน  WeChat นั้นมีความสำคัญมากกว่าหลายเท่า

            เพราะบริษัทแม่ของ WeChat คือ Tencent ซึ่งมีธุรกิจมากมายหลายด้าน

            ไม่ต่างกับ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ของอเมริกา

            WeChat เป็น app ที่คนจีนใช้กว่าหนึ่งพันล้านคน และไม่เฉพาะแต่คนจีนในประเทศเท่านั้น แต่คนจีนทั่วโลกก็ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน

            คนจีนไม่ได้ใช้ WeChat เพียงเพื่อพูดคุย ส่งรูปและคลิปวิดีโอให้กันเท่านั้น

            แต่ยังใช้สำหรับจ่ายเงิน ฝากเงิน กู้เงิน บริหารธุรกิจ ดูหนังดูละคร และทำธุรกรรมได้เกือบทุกชนิด

            เรียกได้ว่าทุกครอบครัวใช้ app นี้เพื่อกิจกรรมประจำวันตลอดเวลา

            อยู่ต่างประเทศคนรู้จักในนาม WeChat แต่เวอร์ชันภาษาจีนคือ Weixin

            เมื่อทรัมป์สั่งแบน WeChat ก็มีผลกระทบไปถึงบริษัทแม่คือ Tencent ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

            Tencent มีธุรกิจครบวงจรทั่วโลก

            ยอดขายสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ของ Tencent อยู่ที่ 108,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 500,000 ล้านบาท

            เทียบกับรายได้ของ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท

            แม้จะยังห่างกันเยอะ แต่ก็ต้องถือว่ากำลังไล่กวดขึ้นมาอย่างร้อนแรง

            ที่สำคัญคือ Tencent กำลังสยายปีกไปทั่วโลกรวมถึงถือหุ้นในบริษัทของอเมริกาด้วย

            Tencent บุกเรื่องเกมอย่างหนักมาหลายปีแล้ว

            วันนี้เป็นบริษัทผลิตเกมใหญ่ที่สุดของโลก และยังถือหุ้นอยู่ในบริษัทที่ผลิตวิดีโอเกมที่ขณะนี้กำลังดังที่สุด เช่น Fortnite และ Battlegrounds

            ไม่แต่เท่านั้น Tencent ยังถือหุ้น 40% ในสตูดิโอที่ผลิต Fortnite และเป็นเจ้าของใบอนุญาตเกม Battlegrounds

            ข้อมูลล่าสุดบอกว่าบริษัทนี้ถือหุ้นอยู่ในค่ายเกมอย่างน้อย 16 แห่งนอกประเทศจีน

            นอกจากนี้ Tencent ยังลงทุนในบริษัทผลิตดนตรีและหนังในโลกตะวันตกด้วย

            เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงเข้าไปถือหุ้น 10% ใน Universal Music ที่มีนักร้องชื่อดังเช่น Lady Gaga  และ Taylor Swift อยู่ในสังกัด

            อีกทั้งยังเป็นเจ้าของ Tencent Music Entertainment (TME) ด้วย

            เมื่อสามปีก่อน บริษัทนี้แลกหุ้นมาจนได้ 7.5% ของ Spotify ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ทางด้านเพลงที่แลกได้หุ้นของ TME ไป 9.5%

            Tencent Pictures ยังเข้าไปร่วมสร้างหนังฮอลลีวูดดังๆ เช่น Terminator, Dark Fate (2019) และ  Wonder Woman (2017)

            และน้อยคนจะรู้ว่า Tencent มีหุ้น 5% ใน Tesla ของอีลอน มัสก์ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ของโลกอีกด้วย

            ผู้ก่อตั้ง Tencent คือ Pony Ma หรือ "หม่าฮว่าเถิง" ซึ่งก่อตั้งบริษัทนี้ที่เซินเจิ้นเมื่อปี 1998 หรือ 22  ปีก่อน

            วันนี้บริษัทนี้มีมูลค่าในฐานะบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

            ปีนี้ Pony Ma อายุแค่ 48 เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และไม่ต้องสงสัยว่าผู้ประกอบการระดับสากลอย่างนี้จะไม่ถูกรัฐบาลจีนถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม

            เมื่อ Jack Ma แห่งอาลีบาบายอมรับว่าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ไม่ต้องสงสัยว่า Pony  Ma จะไม่อยู่ในสถานภาพเดียวกัน

            ยิ่งเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ "สภาประชาชน" ในฐานะตัวแทนของเอกชนประเทศจีนยุคนี้ด้วยแล้ว  ก็ย่อมหมายความว่าเขาเข้าถึงฐานอำนาจของรัฐบาลและพรรคอย่างลึกซึ้ง

            นิตยสารไทม์และ Forbes เรียก Pony Ma ว่าเป็น "บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก"

            ตัวเลขล่าสุดบอกว่า Pony Ma ได้แซงหน้า Jack Ma มาเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีนในปีนี้

            การที่ทรัมป์พุ่งเป้าการ "ลงโทษ" จีนด้วยการแบน WeChat พร้อมกับ TikTok จึงเท่ากับเป็นการท้าทายจีนไปถึงระดับผู้บริหารประเทศจีน

            กระทบถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            สงครามเย็น 2.0 ระดับโลกเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"