KTC ลุยสินเชื่อบุคคลวางเป้ารุกขยายฐานเพิ่ม 1 แสนราย


เพิ่มเพื่อน    

 

19 ส.ค. 2563 นางสาวพิชามน  จิตรเป็นธรรม  ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - ธุรกิจสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทจะปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอน รวมถึงกำลังซื้อของลูกค้าในบางกลุ่มยังได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ แม้ว่าจะมีการคลายล็อคบางแล้วก็ตาม โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน- พฤษาคม ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ค่อนข้างยากในการขยายฐานลูกค้าใหม่ แต่ในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม เริ่มมียอดที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทมีฐานลูกค้าสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 891,875 บัญชี และตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังอีก 100,000 บัญชี ซึ่งจะทำให้ตลอดปี 2563 บริษัทจะมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 160,000-180,000 บัญชี ตามเป้าหมายของบริษัท

สำหรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ของสินเชื่อบุคคลบริษัทได้ทำการปรับกลยุทธ์ของบัตร KTC PROUND ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคนิวนอร์มอลที่เพิ่มความสะดวกใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเปิดตัวบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว - ยูเนี่ยน เพย์” พร้อม 4 ฟังก์ชั่น กด-โอน-รูด-ผ่อน สะดวกทุกการใช้งานในบัตรเดียว สามารถทำธุรกรรมรูดซื้อสินค้าและบริการได้ ณ ร้านค้าชั้นนำที่รองรับการทำธุรกรรมด้วยบัตรยูเนี่ยน เพย์ (UnionPay) ทั่วประเทศไทย 2. การโอนเงินเข้าบัญชีทุกธนาคารแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่น “KTC Mobile” ภายในไตรมาส 3/63 ที่สมาชิกจะได้รับความสะดวก รับเงินไว พร้อมใช้ทันที ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเสียเวลาหาตู้เอทีเอ็ม ลดการสัมผัสเงินสดและการเดินทางไปในที่ชุมชน
ส่วนกลยุทธ์ต่อมา 3. การพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานบนแอปพลิเคชั่น “KTC Mobile” ตอบสนองความคล่องตัวผู้ใช้บัตร โดยสมาชิก “KTC PROUND” สามารถทำรายการได้ด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยบริการใหม่เพิ่มวงเงินฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง การเบิกเงินสดออนไลน์แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง และเบิกถอนเงินสดออนไลน์บนแอปฯ “KTC Mobile” ที่สามารถเลือกทำรายการผ่อนรายงวดได้นานสูงสุด 60 เดือน หรือเลือกชำระแบบขั้นต่ำที่ 3% เป็นต้น

“การขยายฐานลูกค้าใหม่ยังคงต้องดำเนินการพิจารณาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะบางอาชีพที่ยังมีความเสี่ยงด้านรายได้ อาทิ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว จะมีการพิจารณาการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวังค่อนข้างมาก เพราะโควิด-19 กระทบกับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจดังกล่าว” นางสาวพิชามน  กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนฐานลูกค้าสินเชื่อบุคคลจะเพิ่มมากขึ้น แต่แนวโน้มของยอดสินเชื่อบุคคลที่ลูกค้าใช้นั้นคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับ 3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ 3.02 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีความชัดเจนที่แน่นอนว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ และจากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยของสภาพัฒน์ฯในปี 63 ที่ตอดลบ 7.3-7.8% และเศรษฐกิจไทยยังมีความท้ายทาย จากปัจจุบยโควิด-19 และปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ทำให้ประชาชนต่างชะลอการจับจ่ายใช้สอย และประหยัดเงินมากขึ้น ส่งผลให้ยอดสินเชื่อมีโอกาสเห็นการเติบโตขึ้นได้ค่อนข้างยาก ทำให้บริษัทยังคงประเมินว่ายอดสินเชื่อบุคคลในสิ้นปีนี้จะยังทรงตัวที่ 3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ แนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63 ตามลำดับ จากสิ้นไตรมาส 2/63 ที่ NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 8.5% จากการที่บริษัทยังคงเน้นการควบคุมคุณภาพหนี้ และพยายามเร่งการตัดจำหน่ายหนี้ให้เร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ตรวจสอบบัยชีในส่วนนี้ เพื่อทำให้ NPL ของสินเชื่อบุคคลลดระดับลงมาจากสิ้นไตรมาส 2/63 ที่มีมาตรฐาน TFRS9 เข้ามากระทบดันให้ NPL พุ่งขึ้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"