เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ยังเบิกจ่ายแค่ 3 แสนล้าน!


เพิ่มเพื่อน    

      ผมเอารูปนี้มาแสดงวันนี้ก็เพื่อเตือนความทรงจำของคนไทยว่า มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 นั้นยังไม่มีการประเมินว่าไปถึงไหนอย่างไร

            รัฐบาลควรจะต้องออกมารายงานความคืบหน้า (หรือไม่คืบหน้า) แต่ละรายการให้ประชาชนได้รับทราบ

            ดูจากตัวเลขการเบิกจ่ายยังมีคำถามว่าในทางปฏิบัตินั้นได้ผลเพียงใด

            คุณแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) บอก "ประชาชาติธุรกิจ" เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า

            ในส่วนเงินกู้โควิด 1 ล้านล้านบาท ล่าสุดกู้ไปแล้ว 3.13 แสนล้านบาท

            เบิกจ่ายไปแล้ว 2.95 แสนล้านบาท

            ในช่วงนี้จะทยอยกู้ไปตามโครงการที่ผ่านคณะรัฐมนตรี

            การเบิกจ่ายล่าช้าทั้งๆ ที่มีความเร่งด่วนนั้นสะท้อนถึงการขาดประสิทธิภาพของผู้รับผิดชอบบริหารทั้งกระบวนการ

            ในภาวะวิกฤติเช่นนี้หนีไม่พ้นว่า คนที่จะต้องลงมาสั่งการและติดตามคือนายกรัฐมนตรีเอง

            เพราะนี่คือ crisis management ที่สำคัญ และใช้ตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลวของรัฐบาลทั้งชุด

            แต่เรายังเห็นกระบวนการบริหารเป็นแบบ business as usual หรือยังทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ  ว่ากันตามกฎกติกาและจังหวะเดิมๆ ของระบบราชการ

            คุณแพตริเซียบอกว่า เรื่องการเบิกจ่ายที่ยังล่าช้านั้นได้หารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) ว่าจะต้องมีมาตรการเร่งรัด

            ประเด็นคือสภาพัฒน์จะอยู่ในฐานะไป "เร่งรัด" หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้มากน้อยเพียงใด และท่านนายกฯ ได้รับทราบความล่าช้าหรือไม่อย่างไร

            ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ประชาชนและธุรกิจมากมายที่รอความช่วยเหลือนั้นกำลังขาดออกซิเจน...หากช้าไปก็จะขาดลมหายใจและตายก่อนความช่วยเหลือมาถึง

            ผู้อำนวยการ สบน.บอกว่าวงเงินกู้ในกรอบ 6 แสนล้านบาท (แผน 2) ที่ใช้จ่ายเยียวยาผลกระทบปัจจุบันยังเหลือวงเงินอยู่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งยังเปิดวงเงินอยู่

            หรือหากจะมีการปรับวัตถุประสงค์ก็ทำได้ แค่เปลี่ยนไปใช้กับแผน 1 หรือด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่จะไปใช้กับแผน 3 ที่เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้

            ส่วนวงเงินกู้ 4 แสนล้านบาทในแผน 3 ปัจจุบันมีโครงการที่ ครม.อนุมัติให้ใช้เงินกู้ไปแล้ววงเงิน  4.42 หมื่นล้านบาท

            แต่เพิ่งเบิกจ่ายไปแค่โครงการด้านฟื้นฟูการท่องเที่ยว 250 ล้านบาทเท่านั้น

            คุณแพตริเซียบอกด้วยว่าโครงการฟื้นฟูต่างๆ ตอนนี้ที่ผ่าน ครม.ไปแล้ว และมีแผนจะเบิกจ่ายในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม (ผ่านมาแล้ว) ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกบี้หมดแล้วเพื่อให้เงินลงไปให้ถึงท้องถิ่น ถ้าไม่ลงทุกคนก็กังวลเรื่องนี้ ก็มีการไล่แก้ปัญหาทุกจุดว่าติดอยู่ที่ส่วนไหน

            นี่คือปัญหาที่รุนแรงมาก เพราะแสดงให้เห็นว่า "นโยบาย" กับ "ภาคปฏิบัติ" ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน

            ทั้งๆ ที่นี่คือ "สงคราม" และการจะชนะสงครามได้ต้องทำงานแบบ "War Room" ซึ่งแปลว่าจะต้องมีความชัดเจนในคำสั่ง และเมื่อสั่งแล้วจะต้องปฏิบัติตามนั้นทันที

            หลังจากลงมือปฏิบัติแล้วก็ต้องรายงานผลอย่างทันสถานการณ์ เพื่อจะได้ปรับแก้แผนหากมีปัญหาหรือแก้ไม่ตรงจุด

            แต่ความเป็นจริงวันนี้คือ สั่งไปแล้วหน่วยที่ต้องเอานโยบายไปทำให้เกิดเป็นจริงกลับไม่ได้ลงมืออย่างจริงจังและรวดเร็วเท่าที่ควร

            ต้องมีการ "ตามบี้"

            ต้องมีการ "เร่งรัด"

            ต้อง "ไล่แก้ปัญหาทุกจุด"

            นั่นสะท้อนว่ากลไกรัฐล้มเหลวในภาวะวิกฤติโดยสิ้นเชิง การกระทำไม่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชน

            จึงป่วยการที่จะถามว่าจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านล้านบาทอย่างที่เอกชนบางส่วนได้เสนอหรือไม่

            เพราะแค่ 1 ล้านล้านบาทเดิมยังใช้ไม่หมด และไม่รู้ว่าลงไปตรงจุดหรือไม่

            ไม่ต้องพูดถึงว่ามีการประเมินผลแล้วเป็นอย่างไร

            นี่คือวิกฤติของการบริหารทับซ้อนวิกฤติโควิดอย่างน่าอดสูยิ่ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"