'ครูวีระ'เหน็บ'รมว.ศธ.'ช่างฉลาดในวลีอันขลาดเขลาแต่ไม่ต้องลาออกเพราะทำตามเงื่อนไขนักเรียนแล้ว


เพิ่มเพื่อน    


7 ก.ย.63 - นายวีระ สุดสังข์ นักเขียนอิสระ อดีตครูสอนภาษาไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาดังนี้

ถ้าผมเป็นนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผมจะกล่าวถึงกรณีนักเรียนชุมนุมระท้วง เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2563 อย่างเต็มภาคภูมิว่า

"นักเรียนขาสั้นคอซองในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นนักเรียนที่มีความคิดความอ่านทางด้านสังคมและการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีในรัฐบาลชุดใดมาก่อน นี่คือ พืชผลแห่งคุณภาพที่เจริญงอกงามขึ้นในสังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งการสื่อสาร สังคมแห่งความสับสน สังคมที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางอันเด่นชัด พวกเขาเหล่านี้เป็นเยาวชนที่เปี่ยมด้วยจิตสำนึกและมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งพวกเขาและเราทุกคนเป็นเจ้าของประเทศนี้ หลักสูตรการศึกษาได้หล่อหลอมบ่มเพาะความเป็นมนุษย์ ผมในฐานะรัฐมนตรีก็เปิดโอกาสให้เยาวชนเหล่านี้ โดยเปิดประตูเสรีภาพการรวมพลังและแสดงออกทางความคิด ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของเยาวชนรุ่นใหม่ ผมถือว่าเป็นความสำเร็จในฐานะเจ้ากระทรวงผู้บริหารการศึกษาและบริหารทรัพยากรมนุษย์..."

แต่ ! รัฐมนตรีกล่าวว่า "นักเรียนไล่ออก ถือว่าคุกคามรัฐมนตรี" มันช่างฉลาดและหลักแหลมในวลีอันขลาดเขลา

นานมาแล้ว หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬและแม้แต่พฤษภาอำมหิต ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดทางสังคม การเมืองการปกครอง นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเคยกล่าวด้วยอารมณ์อันผิดหวังว่า "คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษาสมัยนี้ (2535-2553) มันหมกมุ่น มัวเมาอยู่กับเกม แฟชั่น ละคร ภาพยนตร์และเซ็กบนจอโทรศัพท์มือถือ โดยไม่สนใจเหตุการณ์ทางสังคม การเมืองการปกครอง บางคนบางกลุ่มก็เอาแต่เรียน เรียน เพื่อจุดหมายของตนเองมากกว่าจุดหมายของสังคม บางคนบางกลุ่มเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับยาเสพติด...ฯลฯ"

และบัดนี้ นักเรียน นักศึกษาได้เงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือกันแล้ว และนำความรู้ ความคิดจากจอมือถือมากดดันผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำทางสังคม "กรุณาอย่าด่า อย่าใส่ร้ายและอย่าทำร้ายเด็กก็แล้วกัน"

ข้อเรียกร้องของเด็ก 1.หยุดคุกคามนักเรียน 2.ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง 3.ปฏิรูปการศึกษา เป็นข้อเรียกร้องที่บริสุทธิ์มาก มันไม่เสียหาย ไม่เสียหน้า ถ้าจะรับปากว่า "จะหยุดคุกคามเด็กด้วยถ้อยคำและด้วยการใช้กำลังหรือวิธีการอื่นๆ เรารักเด็กอยู่แล้ว เด็กก็เหมือนลูกของเรา เราจะไปคุกคามทำไม? เรื่องยกเลิกกฎระเบียบก็ต้องยกมาพิจารณากัน ถามกลับสิว่า นักเรียนอยากให้ยกเลิกกฎระเบียบอะไรบ้าง ระเบียบการแต่งกาย ไว้ทรงผม โอเคเลย ยกเลิกทันทีก็ได้ ระเบียบอื่นๆมีอะไรอีกไหม? ถ้าบอกว่า ยกเลิกระเบียบบังคับการเข้าเรียน อันนี้ไม่ได้มันต้องมาถกเถียงกัน มาอธิบายกัน มันส่งผลดีผลเสียต่อประเทศชาติอย่างไร? เรื่องปฏิรูปการศึกษา ให้นักเรียนคัดตัวแทนมาเลย จะมีนักเรียนกี่คนก็แล้วแต่จะตกลงกัน เอาตัวแทนครูมาด้วย มาร่วมประชุมกับคณะวิชาการ คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา อยากให้ปฏิรูปอย่างไร? มีความเป็นไปได้แค่ไหน? เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปและวางแผน/โครงการต่างๆ(เหมือนนิยายเรื่อง นักเรียนปฏิวัติ)

ถามว่า "การชุมนุมของนักเรียนครั้งนี้มีใครอยู่เบื้องหลังไหม?" ตอบทันทีว่า "มี อย่างน้อยก็พ่อแม่นักเรียนสนับสนุนให้เงินค่ารถ ค่าขนมไปร่วมชุมนุม" และถามว่า "มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังไหม?" ตอบทันทีว่า "มี มีแล้วไง? กลัวอะไร? ดีเสียอีกที่พวกเขาคอยสนับสนุนการแสดงออกของนักเรียน ไม่ต้องกลัว เพราะเรามีวิธีการที่จะเอาชนะด้วยเหตุผล คนเรามันต้องแพ้ชนะกันด้วยเหตุผล เมื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนครบทุกข้อแล้ว จะต้องกลัวอะไรอีก มีแต่จะถามว่า นักเรียนต้องการอะไรอีกไหม?" และรัฐมนตรีไม่ต้องลาออกเพราะได้ทำตามเงื่อนไขของนักเรียนทุกข้อแล้ว

นี่คือวิธีคิดและการตอบสนอง หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนนั้น ชื่อ วีระ สุดสังข์
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"