อายุ 100 ปีแล้ว 'ม.ร.ว.รุจีสมร' ครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์ ต้นแบบหญิงนักสู้ผู้ปฏิเสธเงินพันล้าน


เพิ่มเพื่อน    

12 ก.ย.63 - เพจเฟซบุ๊ก โบราณนานมา โพสต์เรื่องราวของ ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนวรรณวิทย์ อายุครบ 100 ปี มีเนื้อหาดังนี้ วันนี้ 12 กันยายน 2563 เป็นวันคล้ายวันเกิด “ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์” โดยในปีนี้มีอายุครบ 100 ปี

“ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์” ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ของโรงเรียนวรรณวิทย์ เมื่อปี 2497 เป็นโรงเรียนไม้เล็ก ๆ ที่แวดล้อมไปด้วยหมู่ตึกสูงราคาแพง ในสุขุมวิท ซอย 8

หัวเรือใหญ่วัย 100 ปี ที่ใช้แรงศรัทธาสานต่อ “โรงเรียนวรรณวิทย์” ถึงแม้โรงเรียนต้องประสบปัญหาขาดทุนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดตกลงใจยอมรับการเสนอซื้อจากนักลงทุนที่หมายตาทำเลทองแห่งนี้แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าที่ดินเล็ก ๆ ผืนนี้จะมูลค่านับ 1,000 ล้านบาทก็ตาม

“ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์” เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2497 ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงในบ้านหลังเล็ก ๆ รั้วเดียวกันกับโรงเรียน ไม่แปลกที่ครูใหญ่จะพูดอยู่เสมอว่า “...วรรณวิทย์เป็นที่ของแม่ โรงเรียนของแม่ และบ้านของแม่...” บ้านหลังนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นบ้านไทยยกพื้นเตี้ย ๆ สร้างจากไม้ทั้งหลัง มีหน้าต่างรอบบ้าน ช่วยให้รับลมเย็นสบาย

โรงเรียนวรรณวิทย์ ก่อตั้งโดยหม่อมผิว สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2489 ต่อมาหม่อมผิว มีอายุมากขึ้น จึงให้ธิดาคนเล็กคือ “ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์” เป็นผู้จัดการ และครูใหญ่แทน โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2497

ปัจจุบัน โรงเรียนมีพื้นที่ขนาด 3 ไร่ อาคารเรียนเป็นอาคารไม้สองชั้น มีนักเรียนประมาณ 500 คน ทางโรงเรียนคิดค่าเทอมเพียงเทอมละ 1,600 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก เนื่องจากนักเรียนส่วนมากเป็นบุตรหลานของผู้ที่มีรายได้น้อยในละแวกนี้ แม้จะมีผู้ขอซื้อที่ดินไปสร้างเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมโดยให้ราคาสูงถึงพันล้านบาท แต่ทาง “ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์” ซึ่งเป็นผู้บริหารยืนยันที่จะไม่ขาย ด้วยต้องการจะให้เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่เด็ก ๆ ต่อไป

ครูเก่าแก่หลาย ๆ คนของ “โรงเรียนวรรณวิทย์” เล่ากันว่า ครูใหญ่รักแม่มากเหลือเกิน สิ่งที่พิสูจน์คำบอกเล่านี้ได้ดีที่สุดก็คือ ครูใหญ่ยังคงเก็บเตียงพยาบาลหลังเก่าที่รับใช้บั้นปลายของชีวิตของหม่อมผิวเอาไว้ในบ้าน แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับน้ำตาคลอ ๆ เต็มสองนัยน์ตาเมื่อเล่าเรื่องเก่าๆ ของแม่ เนื่องจากหม่อมผิวหาเลี้ยงชีพจากการเขียนหนังสือ นำเงินที่ได้มาเลี้ยงดูลูกสาวตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งยังเก็บเงินซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียน เป็นต้นแบบของหญิงนักสู้ที่ยืนหยัดเพื่ออุดมการณ์อย่างแท้จริง

จากคำบอกเล่าของครูคนอื่น ๆ จะเห็นว่าครูใหญ่เป็นมากกว่าผู้สอนหนังสือ เพราะเป็นผู้ให้โอกาส ให้ชีวิตใหม่กับคนอีกหลาย ๆ คน ถึงจะไม่แน่ใจนักว่าจะมีคนแบบครูใหญ่อีกกี่คนในโลกใบนี้ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ เมล็ดพันธุ์แห่งความดีของครูใหญ่จะเติบโตและหยั่งรากลึกในหัวใจของคนอีกหลายคนอย่างแน่นอน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"