หรือเรากำลัง ‘ตกหน้าผาการคลัง’?


เพิ่มเพื่อน    

 

         มีคำเตือนจากนักวิเคราะห์บางสำนักว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะติดลบตั้งแต่ 6-10% และยังไม่มีใครรู้ว่าเราได้ผ่าน “จุดที่เลวร้ายที่สุด” แล้วหรือยัง

                ที่น่ากลัวก็คือ หากไม่มีการใช้มาตรการที่ได้ผลจากนี้ไป รัฐบาลไทยอาจจะตกอยู่ในภาวะ “ตกหน้าผากลางคลัง”

                คำนี้มาจากภาษาฝรั่ง Fiscal Cliff

                คุณบรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดของ Economic Intelligence Center (EIC) ของธนาคารไทยพาณิชย์บอกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง

                อีไอซีปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ทั้งปี จากเดิม -7.3% เป็น -7.8%

                เหตุผลคือยังมีอุปสรรคต่อการฟื้นตัวหลายอย่าง

                นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยมีปีละ 40 ล้านคน ปีนี้อาจจะเหลือ 6.7 ล้านคน ตามนโยบายการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังไม่มีแนวโน้มผ่อนคลาย

                ผมไม่แน่ใจว่ามาตรการใหม่ที่กำลังพูดถึงกันอยู่วันนี้คือ Special Tourist Visa สำหรับให้คนมีสตางค์จากต่างประเทศมาพักยาว ตั้งแต่ 90 ถึง 270 วัน โดยต้องมากักตัวอยู่ 14 วันนั้น จะดึงคนเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด

                แต่แม้จะประสบความสำเร็จตามแผนนี้ก็คงจะเป็นจำนวนที่จำกัด เพราะทางการบอกว่าจะตั้งเพดานไว้ที่เดือนละ 1,200 คนโดยประมาณ

                ถือว่าแค่ “แง้มประตู” เล็กๆ เป็นการหยั่งเชิงดูเท่านั้น ไม่ได้มีผลถึงขั้นจะทำให้มีผู้คนจากต่างประเทศมาเที่ยวกันอย่างเป็นกอบเป็นกำแต่อย่างไร

                คุณบรรยงบอกว่าเม็ดเงินเงินช่วยเหลือจากภาครัฐภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท ที่มีแนวโน้มเข้าสู่เศรษฐกิจปีนี้น้อยกว่าที่คาด

                อยู่ที่ 4.75 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าน่าจะเป็น 6 แสนล้านบาท

                อีกทั้งเม็ดเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลที่จะน้อยลงมากในช่วงหลังของปี

                ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “หน้าผาทางการคลัง” ส่งผลกระทบต่อประชาชนบางกลุ่มที่ยังต้องการความช่วยเหลือต่อเนื่อง

                ตัวเลขคนว่างงานไตรมาส 2 เพิ่มสูงขึ้นถึง 1.95% หรือสูงที่สุดในรอบ 11 ปี

                รายได้ของแรงงานมีแนวโน้มหดตัวลงมาก จากชั่วโมงการทำงานลดลง งานล่วงเวลา (โอที) หายไป

                จำนวนแรงงานต้องหยุดงานชั่วคราวสูงถึง 2.5 ล้านคน

                สะท้อนถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงาน

                หากระดับการปิดกิจการและการว่างงานเพิ่มขึ้นและยืดเยื้อ ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้, การบริโภคและการลงทุน

                อะไรคือ “หน้าผาการคลัง”?

                หน้าผาทางการคลัง คือ การที่เศรษฐกิจของประเทศสูญเสียแรงขับเคลื่อนทางการคลังอย่างฉับพลันและรุนแรง ทำให้ผู้คนไม่สามารถปีนป่ายกลับออกจากหุบเหวแห่งปัญหาเศรษฐกิจได้

                อาการ “หมดเรี่ยวแรง” ที่ว่านี้สาเหตุสำคัญอาจมาจากมาตรการด้านการคลังชั่วคราวที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่เกิดวิกฤตินั้นสิ้นสุดลง

                ยิ่งมาตรการนั้นๆ มีขนาดใหญ่เท่าไร เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการก็จะยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจสูญเสียแรงส่งมากขึ้นเท่านั้น

                สิ่งที่จะตามมาก็คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจถูกฉุดให้ลดต่ำลง

                และหากหนักหน่วงเข้าก็อาจรุนแรงถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย

                จึงเปรียบเปรยเหมือน  "ตกหน้าผา" แล้วหาทางปีนกลับขึ้นมาไม่ได้ เพราะหมดเรี่ยวหมดแรง

                แม้จะมีคนมาช่วย แต่คนช่วยก็หมดสภาพไปเช่นกัน

                เงินที่รัฐบาลจัดสรรให้คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน กำลังจะหมด และเงินก้อนใหม่ก็มีจำกัดทั้งจำนวนและช่วงเวลาที่ช่วยเหลือ

                อีกทั้งเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้นก็ยังไม่สามารถเบิกออกมาใช้ได้เต็มตามจำนวน เพราะปัญหาระบบระเบียบที่สลับซับซ้อน และขาดการวิเคราะห์ช่องโหว่ก่อนจะออกกฎเกณฑ์

                ทั้งหมดนี้ทำให้คนไทยจำนวนมากตกอยู่ในสภาพ “ขาดออกซิเจน” เหมือนโดนโยนลงไปที่หน้าผา ไม่มีอะไรมาช่วยให้ปีนกลับขึ้นมาได้

                เพราะในภาวะวิกฤติเช่นนี้ เจตนาดีของรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียวไม่อาจจะช่วยได้ หากในทางปฏิบัติไม่สามารถจะให้เงินไปถึงจุดที่มีความต้องการใช้มากที่สุด, ให้ทันกับสถานการณ์ที่สุด

                “หน้าผาการคลัง” ที่เห็นอยู่ข้างหน้าเรานั้นสูงและชันมากเสียด้วย!.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"