เมื่อทรัมป์ติดโควิด...โลกก็ปั่นป่วน


เพิ่มเพื่อน    

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และภรรยาเมลาเนียติดโควิด-19 เป็นข่าวช็อกโลกพอสมควร
    เพราะทำให้เกิดคำถามตามมามากมายที่สร้างความสับสนให้แก่การเมืองสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนอย่างสูงในเวทีระหว่างประเทศ
    มีทั้งความ "ตกใจ" "เห็นใจ" และ "สะใจ" แล้วแต่ว่าใครจะมองเขาจากมุมการเมืองทางไหน
    ที่แน่ๆ คือใครที่อยู่ใกล้ๆ ทรัมป์และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ จะต้องถูกกักตัวและตรวจเชื้อบ้าง
    แม้แต่โจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ที่ยืนประชันกับทรัมป์วันนั้นก็อาจจะเริ่มกังวลว่าเขาติดเชื้อจากทรัมป์หรือเปล่า
    พิธีกรวันนั้น Chris Wallace แห่ง Fox News Sunday ก็ไม่แน่ว่าจะนอนหลับดีหรือไม่เมื่อได้ข่าวเรื่องทรัมป์ติดโควิด
    เพราะทั้งสามคนก็เป็นผู้สูงวัยทั้งสิ้น
    ไบเดนอายุ 77 ทรัมป์ 74 และวอลเลส 73
    ล้วนตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดโควิดทั้งสามคน
    การโต้อภิปรายระหว่างรองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ และกามาลา แฮร์ริส (คู่หูโจ ไบเดน) ที่เดิมกำหนดไว้วันที่ 7 ตุลา (วันนี้ตามเวลาที่อเมริกา) จะยังเดินหน้าต่อไปหรือไม่
    รูปแบบที่วางเอาไว้สำหรับการดีเบตระหว่างเบอร์สองครั้งนี้จะเป็นลักษณะ Townhall ที่เมือง Salt  Lake City และพิธีกรคือ Susan Page หัวหน้าข่าวประจำวอชิงตันของ USA Today
    เมื่อรูปแบบเป็นแบบทาวน์ฮอล ก็แปลว่าจะต้องมีผู้ร่วมรายการสดๆ จำนวนหนึ่ง เพราะคำถามส่วนใหญ่จะมาจากผู้แทนประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ
    เมื่อทรัมป์ติดโควิดแล้ว ก็จะต้องเกิดความระมัดระวังเรื่องการรักษาระยะห่างและการสวมใส่หน้ากากมากขึ้น
    เป็นไปได้ว่าคณะกรรมการจัดงานที่เรียกว่า Commission on Presidential Debates อาจจะต้องทบทวนรูปแบบการดีเบตนี้ใหม่
    หรือไม่ก็อาจจะเสนอให้เป็นการโต้อภิปรายออนไลน์ไปเลย
    อีกทั้งยังมีคำถามว่า การดีเบตอีกรอบหนึ่งระหว่างทรัมป์กับไบเดนที่เดิมกำหนดไว้วันที่ 15 ตุลาคมที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน "รัฐสมรภูมิ" ที่สามารถชี้ชะตาของผลการเลือกตั้งได้
    คำถามก็คือว่า ทรัมป์จะหายจากเชื้อโควิดทันหรือไม่ เพราะหากเขาต้องถูกกักตัวอยู่ 14 วัน และหากนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาคือวันที่ 2 ตุลาคม ก็จะไม่ทันการณ์
    จึงเกิดปัญหาว่าการปะฉะดะระหว่างทรัมป์กับไบเดนรอบสองจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะต้องเลื่อนออกไปอย่างไร
    รูปแบบการดีเบตรอบนี้ก็จะแตกต่างไปจากรอบแรก โดยจะให้ทั้งสองคนตอบคำถามจากตัวแทนประชาชนที่มาจากย่านทางใต้ของรัฐฟลอริดาแบบทาวน์ฮอล
    แม้ทรัมป์จะหายป่วยทัน ก็ไม่แน่ใจว่าใครจะอยากไปอยู่ใกล้ๆ
    พิธีกรสำหรับงานนี้คือ Steve Scully แห่งช่อง C-SPAN 
    ต้องไม่ลืมว่าวันเลือกตั้งกำหนดไว้แล้วเป็นวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ไม่น่าจะเลื่อนได้ยกเว้นเสียแต่ว่าสภาคองเกรสจะลงมติให้เลื่อน แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อย...
    เพราะในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ยังไม่เคยปรากฏว่ามีการเลื่อนวันเลือกตั้งแต่อย่างใดเลย
    บันทึกทางการแพทย์บอกว่าทรัมป์ในวัย 74 น้ำหนัก 244 ปอนด์ สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว มีดัชนี BMI (Body Mass Index) เกิน 30 เข้าข่าย "อ้วน" หรือ Obese ในภาษาคลินิกแพทย์สหรัฐฯ
    วันต่อมาทรัมป์ก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล Walter Reed "เพื่อความไม่ประมาท" โดยคณะแพทย์ยอมรับว่าได้ให้ยา Remdesivir ที่อยู่ในขั้นทดลองแล้ว
    แต่ขณะเดียวกันโจ ไบเดนก็อยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วง ยังต้องรอว่าเขาไปตรวจหรือยังและผลออกมาเป็นอย่างไร
    แม้จะไม่มีประเด็นเรื่องโควิด "ผู้เฒ่า" ทั้งสองก็ต้องมี "แผนสอง" รองรับในกรณีที่ชนะเลือกตั้งและต้องรับหน้าที่ที่แสนหนักในฐานะประธานาธิบดี
    ตำแหน่งรองประธานาธิบดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
    เพราะตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ หากตัวประธานาธิบดีเป็นอะไรไปถึงขั้นทำงานในตำแหน่งไม่ได้ คนที่จะรับหน้าที่แทนก็จะเป็นรองประธานาธิบดีจนหมดสมัย
    (ขณะเดียวกัน สัปดาห์ที่ผ่านมาอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์เพิ่งฉลองวันเกิดปีที่ 96 ไปด้วยสุขภาพที่ดีพอสมควร แม้ว่าเขาจะอยู่ในทำเนียบขาวเพียงหนึ่งสมัย)
    การเมืองอเมริกันกำลังเข้าสู่โซนแห่งความน่าสับสนงุนงง ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"