เมื่อทรัมป์กลายเป็น Super-spreader โควิด


เพิ่มเพื่อน    

 

       เมื่อทำเนียบขาวของสหรัฐกลายเป็น cluster หรือ “ศูนย์แพร่โควิด” และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น “ผู้แพร่เชื้อตัวใหญ่” หรือ Super-spreader

                อเมริกาก็กลายเป็นประเทศล้มเหลวในภาวะการระบาดของโควิด-19 ที่สมควรจะต้องได้รับการประณาม

                เพราะอเมริกาคือประเทศมหาอำนาจ ร่ำรวยที่สุด มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด มีแพทย์เก่งที่สุด แต่มีผู้นำที่ไม่สนใจหลักคิดวิเคราะห์วิทยาศาสตร์ ไม่ฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์

                มีเป้าหมายอย่างเดียวคือจะต้องชนะเลือกตั้งเพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง

                ถึงขั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาลกลับมาทำเนีบขาวก็ประกาศว่าจะไม่ยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเจรจาของพรรครีพับลิกันต่อรองเจรจากับฝั่งเดโมแครตเพื่อผ่านกฎหมายเยียวยาผู้เดือดร้อนจากวิกฤติโควิด

                ขอให้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องนี้ไปหลังการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน

                เท่ากับเป็นการ “จับเอาคนอเมริกันทั้งประเทศเป็นตัวประกัน” ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ก็เปลี่ยนจุดยืน บอกว่าถ้าร่างกฎหมายนั้นจะระบุเพียงแต่แจกเงินให้คนอเมริกันคนละ 1,200 เหรียญฯ เขาก็จะลงนามให้

                นั่นแปลว่าทรัมป์เห็นช่องทางหาเสียงให้กับตัวเองก่อนวันหย่อนบัตรเพียง 3 สัปดาห์เศษๆ เท่านั้น

                สำหรับทรัมป์ไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมืองที่ตนจะได้

                ภาพนี้คือคนในทำเนียบขาวหรือมางานทำเนียบขาวจนติดโควิด...ไล่ตั้งแต่ทรัมป์, ภรรยา, โฆษกทำเนียบขาว, สมาชิกวุฒิสภา, นายพลและที่ปรึกษาของทรัมป์

                แต่ทรัมป์ก็หาได้แสดงความเสียใจหรือขอโทษประชาชนแต่อย่างใด ยังประกาศว่าอเมริกาสามารถควบคุมสถานการณ์โควิดได้ เพราะเป็นประเทศที่พัฒนายาและองค์ความรู้เรื่องนี้ได้ดีเยี่ยมที่สุดของโลก

                “ประหนึ่งพระเจ้าประทานสิ่งมหัศจรรย์มาให้เรา”

                จากนี้ไปยังมีคำถามว่า การดีเบตรอบ 2 ระหว่างทรัมป์กับไบเดนจะยังคงเป็นวันที่ 15 ตุลาคม ที่ไมอามี, รัฐฟลอริดา หรือไม่

                และหากยังเดินหน้าจัดดีเบตต่อ จะมีมาตรการป้องกันคนติดเชื้อโควิดจากทรัมป์และคนใกล้ชิดหรือไม่

                ไบเดนออกมาบอกแล้วว่า หากทรัมป์ยังมีเชื้ออยู่ในตัวก็ไม่ควรจะมีการดีเบต แต่จะวัดอย่างไรจึงจะยืนยันว่าไม่มีเชื้อในตัวทรัมป์แล้ว

                เพราะทรัมป์ติดเชื้อตัวนี้มาได้เพียง 1 สัปดาห์ หากใช้มาตรฐานปกติก็ต้องรอ 14 วัน ซึ่งก็จะเกินวันที่ 15 ตุลาคมนี้แน่นอน และคนมีเชื้อก็ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการ

                ความสับสนอลหม่านที่ทรัมป์สร้างขึ้นมา ทำให้มีความไม่แน่นอนในทุกๆ ด้านของสังคมอเมริกัน เมื่อทรัมป์ติดเชื้อและคนอเมริกันยังป่วยเพิ่มขึ้นตลอดเวลาก็จะทำให้คนอเมริกันออกมาหย่อนบัตรด้วยตัวเองน้อยลง

                ซึ่งก็แปลว่าจะมีการใช้การส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์มากขึ้น

                ซึ่งจะทำให้ทรัมป์อ้างว่ามีโอกาสโกงเลือกตั้งได้สูงขึ้น

                ซึ่งก็จะทำให้เขาอ้างว่าจะต้องไม่ยอมรับการนับคะแนนในหลายๆ เขตที่เขาแพ้

                ซึ่งก็หมายความว่าเขาจะฟ้องเพื่อให้ศาลสูงสุดตัดสินในหลายๆ คดี

                ซึ่งอาจจะทำให้ทรัมป์เดินหน้าผลักดันให้สมาชิกวุฒิสภาลงมติรับรองการเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดของใหม่ของเขาก่อนวันเลือกตั้ง อันจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมอเมริกันสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง

                หากมีการฟ้องร้องเรื่องนับคะแนนกันวุ่นวาย นั่นก็จะทำให้การประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้า และมีทันการ “สาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง” ของผู้ชนะเลือกตั้งภายในวันที่ 20 มกราคมปีหน้าหรือไม่

                หากประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่ระบุมากลายเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไป จะนำไปสู่ความรุนแรงกลางถนนหรือไม่

                เพราะฝ่ายขวาและซ้ายสุดขั้วก็พร้อมที่จะออกมาใช้ความรุนแรงเพื่อเอาชนะคะคานอีกฝ่ายหนึ่งค่อนข้างแน่นอน

                สหรัฐอเมริกาก็จะกลายเป็นประเทศที่ไร้ขื่อไร้แป อะไรที่เราเคยว่าไม่ควรจะเกิดก็จะเกิด

                คนไทยที่เกาะติดเรื่องราวทั้งหลายจากอเมริกาก็ต้องทำใจ, ตั้งสติ และรู้เท่าทันความวุ่นวายของมหามิตรแห่งนี้ให้จงได้!.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"