อาหรับญาติดีอิสราเอลกระเทือนอิหร่าน


เพิ่มเพื่อน    

 

          การปรับความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอล ตามข้อตกลง Abraham Accords ถูกนำเสนอว่าเป็นเรื่องระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอล หวังแก้ปัญหาปาเลสไตน์ นำสันติภาพสู่ตะวันออกกลาง แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งเรื่องนี้กระเทือนอิหร่านโดยตรง

                อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำจิตวิญญาณอิหร่านกล่าวถึงข้อตกลงดังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทรยศ (betrayed) โลกอิสลาม ต่อโลกอาหรับ ต่อประเทศในภูมิภาคและต่อปาเลสไตน์

                ในขณะที่อิหร่านยังคงต่อต้านอิสราเอล ลัทธิไซออนิสต์ (Zionism) อย่างเข้มข้น ชาติอาหรับอย่างน้อย 3 ประเทศ จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และอียิปต์ ประกาศเป็นมิตรกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการแล้ว

การก้าวขึ้นมาของรัฐอิสลามอิหร่าน :

            ปี 1979 อยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์นำการปฏิวัติอิสลามสู่ประเทศอิหร่าน โค่นล้มระบอบอำนาจเก่า เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นแบบ Islamic theocracy ยึดหลักศาสนาเป็นรากฐานการปกครอง และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน” การล้มระบอบกษัตริย์ชาห์กระทบผลประโยชน์มหาศาลของสหรัฐ อิหร่านยุครัฐอิสลามกลายเป็นศัตรูสำคัญของรัฐบาลสหรัฐนับจากนั้นเป็นต้นมา

                ในขณะนั้นมุสลิมทั่วโลกชื่นชมความกล้าหาญของโคไมนี เป็นแบบอย่างผู้นำมุสลิมที่นำการต่อต้านพวกตะวันตก อยาตุลเลาะห์ โคไมนี กล่าวซ้ำหลายครั้งว่าสหรัฐคือจอมซาตาน (Great Satan)

                ในสมัยนั้นปัญหาปาเลสไตน์เป็นประเด็นร้อนแรงของโลกมุสลิม หลายคนตีความว่าคือความขัดแย้งระหว่างศาสนาที่ยอมไม่ได้ ขอต่อต้านพวกยิวไซออนิสต์จนถึงที่สุด รัฐบาลอิหร่านโหมกระแสต่อต้านไซออนิสต์อย่างต่อเนื่อง ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด (Mahmoud Ahmadinejad) กล่าวเมื่อกุมภาพันธ์ 2006 “ตราบใดที่ระบอบไซออนิสต์ยังอยู่ จะเป็นภัยคุกคามต่อผู้เชื่อและผู้ศรัทธาศาสนาอิสลาม” อยาตุลเลาะห์ โคไมนี ได้กล่าวไว้ว่าจะต้อง “ลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก”

                สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอิสลามอิหร่านพยายามทำคือรวมพลังมุสลิมโลก อยาตุลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวว่า ความเป็นเอกภาพ “คือเรื่องสำคัญที่สุดของโลกมุสลิม” ชาติมหาอำนาจเจ้าโลกพยายามสร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิม สร้างสถานการณ์เพื่อเบี่ยงเบนให้มุสลิมสนใจเรื่องอื่นแทนปัญหาปาเลสไตน์ และบ่อยครั้งที่กล่าวกระทบรัฐอิสลามอื่นๆ เช่น  “รัฐบาลชาติอิสลามบางประเทศไม่ตระหนักผลที่จะเกิดขึ้นจากการสนับสนุนสถานการณ์ปัจจุบัน” และไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะเผาพวกเขาเอง

                จะเห็นว่ายิ่งระบอบอิหร่านเป็นที่ชื่นชม ยิ่งเกิดคำถามต่อความชอบธรรมของผู้ปกครองรัฐอิสลามโดยเฉพาะชาติอาหรับทั้งหลาย เกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาลอิสลามด้วยกันเอง และด้วยความที่รัฐบาลอิหร่านย้ำเรื่อยมาว่าอิหร่านคือรูปแบบรัฐอิสลามที่ถูกต้องที่สุด เท่ากับกำลังชี้ว่ารัฐอิสลามของประเทศอื่นๆ นั้นมีปัญหา

                รัฐบาลอิหร่านอาจพูดด้วยความปรารถนาดี แต่สำหรับรัฐบาลอิสลามอื่นๆ คำพูดทำนองนี้เป็นปัญหาต่อพวกเขา

อิหร่านศัตรูตัวร้ายของรัฐอาหรับ :

                ยิ่งอิหม่ามโคไมนีตั้งใจปฏิรูปอิสลามมากเพียงใด แรงต้านจากมุสลิมบางกลุ่มบางฝ่ายยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น และเป็นเช่นนี้สืบเนื่องจนถึงปัจจุบัน

                กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุล อาซิซ (King Salman Bin Abdul Aziz) แห่งซาอุดีอาระเบียตรัสในที่ประชุม Arab Islamic American Summit 2017 ว่า “การประชุมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชาติอาหรับกับอิสลามผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอด 55 ประเทศ รวมประชากรกว่า 1,500 ล้านคน ได้เป็นหุ้นส่วนสำคัญในการต่อสู้พลังสุดโต่ง (extremism) กับลัทธิก่อการร้าย (terrorism) เพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพโลก”

                “ทุกวันนี้เราเห็นบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นมุสลิมพยายามบิดเบือนภาพลักษณ์ศาสนา พยายามเชื่อมโยงศาสนาอันยิ่งใหญ่นี้เข้ากับความรุนแรง” ซึ่งขัดแย้งหลักศาสนา “ระบอบอิหร่านกับกลุ่มและองค์กรใกล้ชิดอย่างฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ฮามาส (Hamas) รวมทั้ง ISIS (Daesh) อัลกออิดะห์ (Al Qaeda) และอีกหลายกลุ่มเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน”  พวกนี้ “พยายามใช้ประโยชน์จากอิสลาม (exploit Islam) เพื่อปิดบังเป้าหมายทางการเมืองที่สร้างความเกลียดชัง ความสุดโต่ง การก่อการร้าย ความขัดแย้งทางศาสนาและนิกาย”

                ความขัดแย้งภายในโลกมุสลิมในยุคนี้เห็นได้ชัดจากวาทกรรมจันทร์เสี้ยวชีอะห์ (Shiite Crescent/ Shia Crescent) กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่สอง (King Abdullah II) แห่งจอร์แดนตรัสในปี 2004 ว่าพวกซุนนีกำลังเผชิญหน้ากับจันทร์เสี้ยวชีอะห์ อันประกอบด้วยพื้นที่ตั้งแต่กรุงเตหะรานทอดยาวถึงกรุงเบรุต รัฐบาลซาอุฯ กับพวกกำลังร่วมกันต่อต้านทุกประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของจันทร์เสี้ยวชีอะห์

                ด้านอดีตผู้นำ อยาตุลเลาะห์ โคไมนี เคยกล่าวว่า ผู้ปกครองซาอุฯ เป็นพวกวาห์ฮะบีที่ไร้พระเจ้า (godless Wahhabis) พร้อมกับเรียกร้องให้ล้มราชวงศ์ซาอุฯ

                ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองซาอุฯ กับระบอบอิหร่านมีต้นเหตุทั้งที่มาจากประวัติศาสตร์ นิกายศาสนา การช่วงชิงของชาติมหาอำนาจ นับจากเริ่มปฏิวัติอิหร่าน 1979 อิหร่านกลายเป็นชาติปรปักษ์อันดับหนึ่งของรัฐบาลซาอุฯ กับพวก และยังคงเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

เบื้องลึกหลักคิดคืนดีกันเถอะเพราะประชาชนเบื่อหน่ายสงคราม :

                ในการปรับสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับรัฐอาหรับ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับบาห์เรน) มีผู้พยายามชี้นำว่าปาเลสไตน์เป็นเรื่องเก่า คนรุ่นใหม่เบื่อหน่ายทำสงครามอีกแล้ว ควรเลิกยึดติดความขัดแย้งในอดีต

                บุตรเขยประธานาธิบดีทรัมป์ จาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการปรับความสัมพันธ์รอบล่าสุด กล่าวว่า “อะไรก็เป็นไปได้” เมื่ออาหรับญาติดีกับอิสราเอล ชี้ว่าคนตะวันออกกลางเลิกยึดติดความขัดแย้งในอดีต “ประชาชนในภูมิภาคเบื่อทำสงครามแล้ว”

                ดังที่นำเสนอข้างต้น ปัญหาปาเลสไตน์เป็นประเด็นที่รัฐบาลอิหร่านโหมกระพือเรื่อยมาเพื่อต่อต้านตะวันตก ผูกโยงกับศาสนา ทำให้อิหร่านโดดเด่นในโลกมุสลิม การลดความสำคัญปัญหาปาเลสไตน์นอกจากเป็นประโยชน์ต่ออิสราเอล ประโยชน์สำคัญอีกข้อคือลดทอนบทบาทอิหร่านในโลกมุสลิม

ยุทธศาสตร์ปิดล้อมอิหร่าน :

            นับจากปฏิวัติอิหร่าน ประเทศอิหร่านกลายเป็นหนามยอกอกของรัฐบาลอิสราเอล สหรัฐและซาอุฯ กับพวก ทั้ง 3 ฝ่ายร่วมต่อต้านอิหร่าน ใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อม รัฐบาลทรัมป์ประกาศนโยบายกดดันสุดขีด (maximum pressure) ขู่คว่ำบาตรบริษัทเอกชนทุกชาติหากทำธุรกิจกับอิหร่าน และห้ามประเทศใดๆ ซื้อน้ำมันอิหร่าน เลิกการผ่อนผันยอมให้บางประเทศนำเข้าน้ำมันอิหร่าน

                ประเด็นปาเลสไตน์ การตั้งรัฐอิสราเอลเคยเป็นต้นเหตุสงครามใหญ่ระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ อียิปต์ถึง 5 ครั้ง แต่ในระยะหลังความเป็นศัตรูลดลง ร่วมมือกันลับๆ เพื่อต้านอิสราเอล บัดนี้เมื่ออีก 2 ชาติอาหรับญาติดีกับอิสราเอล สิ่งที่จะเห็นคือความร่วมมือต้านอิหร่านอย่างเปิดเผย

                คำสอนที่ว่าลัทธิไซออนิสต์เป็นศัตรูร้ายกำลังกลับกลายเป็นมิตร หรืออย่างน้อยร่วมกันต้านอิหร่านผู้เป็นปรปักษ์ตัวสำคัญกว่า รวมความแล้วคือการจับมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐ อิสราเอล ชาติอาหรับ (บางส่วน) เพื่อต้านอิหร่าน ส่วนหนึ่งของเนื้อแท้ที่ซ่อนอยู่ในข้อตกลงสันติภาพ Abraham Accords คือการปิดล้อมอิหร่านอย่างเปิดเผยกว่าเดิมนั่นเอง ถ้าจะพูดว่าอาหรับเบื่อทำสงครามกับอิสราเอล ควรพูดต่อว่า “แต่จะร่วมมือกับอิสราเอลและสหรัฐต่อต้านอิหร่านต่อไป”

                โดยที่ประชาชนปาเลสไตน์หลายล้านคนเป็นผู้จ่ายราคา ถูกไล่ออกจากถิ่นอาศัย ใช้ชีวิตอย่างคนไร้ประเทศ ไม่รู้อนาคต ออกลูกออกหลานในค่ายผู้อพยพลี้ภัย

                ที่ได้เห็นได้ฟังจากผู้นำประเทศหลายคนคือการปรับความสัมพันธ์ระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอล มุ่งมั่นแก้ปัญหาปาเลสไตน์ด้วยสันติวิธี นำสันติภาพสู่ตะวันออกกลาง แต่อีกมุมคือ นับจากนี้ชาติอาหรับกับอิสราเอลจะร่วมกันเล่นงานอิหร่านอย่างเปิดเผยยิ่งขึ้น เป็นอีกความแหลมคมของข้อตกลงปรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ข้อสรุปนี้จะจริงหรือเท็จ กาลเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์.

----------------------

ภาพ : อยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini)

เครดิต : https://www.tehrantimes.com/news/448455/Iran-s-cultural-centers-in-Kazakhstan-Serbia-organize-photo

----------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"