จี้"สธ."เคลียร์"ยาหมอแสง"ให้ชัดกว่านี้/อย่าปล่อยให้คลุมเครือ/ ปชช.ต้องเสี่ยง


เพิ่มเพื่อน    

27เม.ย.61- NGO ขอความชัดเจนทางวิชาการเรื่องสมุนไพรหมอแสง หากไม่สามารถรักษามะเร็งได้ มีส่วนผสมอะไรบ้าง และหากมีผลทางสุขภาพมีด้านใด  ต้องมีการศึกษาชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความคลุมเครือในสังคม  พร้อมจี้ประเด็นหมอแสงบอกมีการทดลองในมนุษย์เสียชีวิต 3-5 ร้อยคน  เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ควรดำเนินการให้ชัด เพื่อไม่ให้ ปชช.ได้รับความเสี่ยง  ด้านอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ ชี้ยังไม่มีสมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ กำลังศึกษาวิจัยสมุนไพรที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นสูตรยับยั้งมะเร็งได้ 3 ชนิด เตือนประชาชนหากใช้สมุนไพรควรปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันที่ดูแล และใช้ควบคู่กับแพพทย์แผนปัจจุบัน

    นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวกรณีกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยผลการวิจัยสมุนไพรรักษามะเร็งของนางแสงชัย แหเลิศตระกูลว่าสมุนไพรดังกล่าวไม่ได้มีผลในการการรักษาโรคมะเร็ง แต่ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้ ว่า จากการที่ สธ. ได้ออกมาเปิดเผยผลวิจัยเช่นนั้น ตนคิดว่ายังมีความคลุมเครืออยู่ เพราะเป็นการเปิดเผยด้วยปากเท่านั้น แต่กลับไม่มีการเปิดเผยผลการศึกษาทางวิชาการที่เป็นระบบชัดชัดเจนออกมา ซึ่งหากบอกว่าไม่มีส่วนผสมที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ก็ต้องเปิดเผยว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ หรือหากมีส่วนผสมที่เป็นสารที่จะออกฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ต้องมีปริมาณเท่าไหร่   เพราะถ้าไม่บอกเช่นนี้ก็จะเกิดประเด็นดังที่กำลังเกิดขึ้นอยู่คือกลุ่มคนรักหมอแสงก็งัดผลวิจัยว่ามีผลรักษามะเร็งได้ออกมาตอบโต้ สธ. ได้ ว่าในตัวสมุนไพรมีส่วนผสมของกระถินพิมานที่เป็นส่วนผสมสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ชัดเจน  ซึ่งทำให้เกิดความคลุมเครือต่อไป และทำให้ประชาชนเกิดความสับสน   และหากบอกว่ามีผลทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องมีการศึกษาว่ามีผลอย่างไรให้ชัดเจน 
    "ยกตัวอย่างเช่น เหมือนน้ำผลไม้หรือไม่ที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่  เป็นต้น และก็ต้องย้อนกลับไปให้ชัดเจนว่าแคปซูลสมุนไพรดังกล่าวนั้นเรียกว่าอะไร อาหาร อาหารเสริมหรือยารักษาโรค เพราะที่ผ่านมาเมื่อดูที่เจตนาของหมอแสงในการแจกนั้น  ออกไปทางยารักษาโรค ดังนั้น เมื่อส่อไปทางยาเรักษาโรคเพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนอยู่หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ อย.ก็ต้องออกมาพูดด้วย เพราะมี พ.ร.บ.ยา ที่ใช้ควบคุมอยู่ "เลขามูลนิธิสุขภาพไทยกล่าว
    นายวีรพงษ์ กล่าวอีกว่า และที่ตนตกใจมาก ก็คือ เมื่อวันที่ผลออกมา ตนได้เห็นตัวหมอแสงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ได้มีการทดลองตัวยาในมนุษย์ และมีผู้เสียชีวิต 3-5 ร้อยคน ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเป็นการวิจัยในมนุษย์  ซึ่งต้องมีกติกาควบคุมเพราะประชาชนได้รับความเสี่ยง แต่กลับไม่มีกระบวนการของหน่วยงานที่รับผิดชอบรองรับเลย ซี่งจริงๆ สธ.ก็น่าจะมีคณะกรรมการจริยธรรมคุ้มครองการทดลองในมนุษย์อยู่แล้ว หากหมอแสง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน จากรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็ควรอยู่ในกฎจริยธรรม จรรยาบรรณในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะอ้างว่าได้รับการอนุญาตจากญาติ และตัวผู้ป่วยก็พร้อมจะรับความเสี่ยงแล้ว ซึ่งก็ทราบว่ามีการไปลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันตัวเองด้วย
    “เมื่อเป็นเช่นนี้ มีการวิจัยทดลองในมนุษย์ ในส่วนของเจ้ากระทรวงซึ่งรับผิดชอบคุ้มครองสุขภาพประชาชนทั้ง รัฐมนตรีว่าการ สธ.  ปลัดสธ. รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไงตามพื้นฐานของงานวิจัยที่ถูกต้อง โดยเฉพาะตัวสมุนไพรดังกล่าวที่เป็นการคิดค้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีการควบคุมอย่างเป็นระบบไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนได้รับความเสี่ยง”นายวีรพงษ์ กล่าว..
    ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ถึงสมุนไพรหมอแสงว่า กรมฯมีนโยบายในการสนับสนุนสมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาโรคมาตลอด โดยได้อนุรักษ์ตำรับตำราภูมิปัญญาทางการแพทย์และพัฒนาต่อยอดจนเป็นตำรับยา มีการให้ทุนวิจัย และขึ้นทะเบียนตำรายาทั้งหมดทั้งสิ้นกว่า 2 หมื่นตำรับ ซึ่งแพทย์แผนไทยไม่มียาเดี่ยว แต่ได้มาทำในภายหลัง อย่างฟ้าทะลายโจร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สมุนไพรจะเน้นในเรื่องการกินเพื่อบำรุง และรักษาโรคบางชนิด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีตำรับยาสมุนไพรใดที่ขึ้นทะเบียนเป็นยารักษามะเร็งโดยเฉพาะเลย ซึ่งในงานวิจัยสมุนไพรรักษามะเร็งนั้นเรามีการศึกษาวิจัยทั้งการวิจัยของกรมฯเอง กับการวิจัยร่วมกับเครือข่าย  ซึ่งมีการศึกษาวิจัยสมุนไพรที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นสูตรยับยั้งมะเร็งได้ 3 ชนิด คือ 1.สูตร N040 ตำรายาจากภาคเหนือยับยั้งเซลล์มะเร็งปากมดลูก 2.เบญจอำมฤตย์ ยับยั้งมะเร็งตับ และ3.สูตรวัดคำประมง โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการทดลองทั้งสิ้น แต่เบื้องต้นพบว่าสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองได้ จึงมีการศึกษาต่อในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ 
    อธิบดีมกรมแพทย์แผนไทยฯ  กล่าวอีกว่า ส่วนสูตร N040 เป็นตำรับยามาจากภาคเหนือ อยู่ในระดับการทดลองทางคลินิก ซึ่งเป็นการทดลองระยะที่ 4 โดยระยะแรกเป็นการหาสารสำคัญในสมุนไพร อาทิ เถามวกขาว หญ้าขัด ตับเต่าใหญ่ ถั่วพู ราชพฤกษ์ เป็นต้น โดยทีมวิจัยได้หาสารสำคัญในระดับหลอดทดลอง ซึ่งพบว่ายับยั้งเซลล์มะเร็งปากมดลูกได้ จากนั้นจึงนำไปทดลองในสัตว์พบว่าได้ผลดีและมีความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองในมนุษย์ เพื่อศึกษาระดับที่เหมาะสม ส่วนสูตรยาเบญจอำมฤตย์ ยับยั้งมะเร็งตับจะประกอบด้วย มหาหิงค์ ยาดำบริสุทธิ์ รงทอง มะกรูด ขิงแห้ง ดีปลี พริกไทย รากทนดี และดีเกลือ ขณะนี้อยู่ระหว่งทดลองในมนุษย์ ซึ่งดูระดับความเป็นพิษระยะสั้นและระยะยาว และสูตรมะเร็งของวัดคำประมง อยู่ในขั้นการทดลองระดับเซลล์ว่ายับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมได้ดีแค่ไหน ซึ่งทำโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังจะเข้าสู่ขั้นทดลองในสัตว์และในคนต่อไป 
    “ขอย้ำว่า ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนสมุนไพรรักษามะเร็ง จึงอยากให้รักษาแพทย์แผนปัจจุบัน หรือใช้แพทย์แผนไทยร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญต้องได้รับความยินยอมจากแพทย์แผนปัจจุบันก่อนดีกว่า เพราะคนไข้มีภูมิต้านทานต่ำ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน การได้สมุนไพรก็ต้องพิจารณาดีๆ บางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับคนแต่ละคนได้ จึงอยากให้มีการปรึกษาแพทย์ และขอคำแนะนำก่อนจะตัดสินใจอะไร เพราะไม่อยากให้เสียโอกาสการรักษาโรคมะเร็ง เพราะมะเร็งหลายชนิดรักษาได้เมื่อพบตั้งแต่แรกๆ” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"