ทางการฟิลาเดลเฟียประกาศเคอร์ฟิวยามวิกาลเมื่อวันพุธ เพื่อควบคุมสถานการณ์ภายหลังเกิดการชุมนุมประท้วงก่อจลาจลปล้นสะดมสองคืนติดต่อกัน เหตุจากความโกรธแค้นที่ตำรวจฆ่าหนุ่มผิวดำที่ครอบครัวอ้างว่ามีอาการป่วยทางจิต

ชายผิวสีสวมหน้ากากฮัลโลวีนเดินผ่านตำรวจที่ตั้งแถวรักษาการณ์หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่เคอร์ฟิวจะมีผลบังคับใช้เมื่อคืนวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563

    วอลเตอร์ วอลเลซ หนุ่มอเมริกันผิวดำวัย 27 ปี โดนตำรวจกระหน่ำยิงเสียชีวิตที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมืองใหญ่ที่สุดของรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากเขาถือมีดปรี่เข้าหาตำรวจ แต่พ่อของเขาอ้างว่าลูกชายมีอาการป่วยทางจิต การสังหารเขาทำให้ผู้คนหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงและปะทะกับตำรวจ เกิดเหตุการณ์รุนแรงและการปล้นสะดมร้านค้าติดต่อกัน 2 คืน

    เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวทั่วทั้งเมืองฟิลาเดลเฟีย เริ่มตั้งแต่เวลา 21.00 น. ถึง 06.00 น.ของวันพฤหัสบดี นายกเทศมนตรีจิม เคนนีย์ จากพรรคเดโมแครต บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อาจมีการประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มเติมอีก โดยจะประเมินสถานการณ์เป็นรายวันว่าจะใช้มาตรการเคอร์ฟิวในคืนนั้นๆ เพิ่มหรือไม่

    ข้อมูลจากตำรวจเผยว่า มีคนถูกจับกุมในเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองนี้แล้วมากกว่า 170 คน ส่วนใหญ่ฐานปล้นสะดม นอกจากนี้ มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 53 นาย รวมถึงนายหนึ่งที่โดนรถชนขาหัก และมีรถของตำรวจเสียหาย 17 คัน

    ตำรวจกล่าวว่า ได้รับแจ้งเพื่อเข้ามาระงับเหตุทะเลาะวิวาทในครอบครัว แต่ทนายความของครอบครัวนี้กล่าวว่า วอลเลซมีอาการไบโพลาร์ ที่แจ้งหน่วยฉุกเฉินนั้นเพื่อเรียกรถพยาบาล ส่วนพ่อของเขาตั้งคำถามว่าเหตุใดตำรวจไม่ใช้ปืนชอร์ตไฟฟ้า แต่กลับใช้ปืนจริงยิงลูกชายถึง 10 นัด ผู้บัญชาการตำรวจฟิลาเดลเฟียสั่งเปิดสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการยิงสังหารวอลเลซ

    สำนักงานของทอม วูล์ฟ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย เรียกใช้บริการกองกำลังเนชันแนลการ์ดหลายร้อยนาย โดยคาดว่าจะมาถึงฟิลาเดลเฟียในวันศุกร์.