ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.เป็นต้นมา บรรยากาศในรั้วทหารคึกคักเป็นพิเศษสำหรับผมทรงใหม่ หรือที่เรียกว่าผมทรงพระราชนิยม ทรงเกรียน ทรงนักเรียน ทรงข้างขาว 3 ด้าน (ตามแต่จะเรียก) เพราะเดินไปไหนมาไหน ทหาร ก็จะทักกันแต่เรื่องทรงผมใหม่ ที่ทำให้พวกเขาดูหน้าตาคล้ายกัน แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านตาเป็นระเบียบ

“เป๊ะ”!!!

โดยเฉพาะร้านตัดผมหรือบาร์เบอร์ในรั้วทหาร เรียกได้ว่าแน่นขนัด ต้องมีการจองคิว เพราะผมทรงนี้แม้จะตัดง่ายแต่ก็ต้องใช้เวลาในการเล็มจัดทรงด้านบน ที่ต้องยาวได้แค่ 2-3 เซนติเมตร ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องมาใช้ปัตตาเลียนไฟฟ้าไถอยู่เรื่อยๆ เมื่อผมยาวขึ้น

ช่างตัดผมบอกว่าประมาณ 1 สัปดาห์ครึ่ง หรือ 2 สัปดาห์ก็จะเริ่มยาว

อีกทั้งกำลังพลที่ต้องตัดทรงนี้ไม่ใช่แค่หน่วยทหารรักษาพระองค์ หน่วยรบหลัก แต่ยังรวมถึงกำลังพลของหน่วยรอง หน่วยธุรการครอบคลุมเกือบหมด ยกเว้นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวบางรายที่ต้องปลอมตัว แฝงตัวในภารกิจลับที่อาจได้รับการยกเว้น

ก่อนที่คำสั่งจะออกมาอย่างเป็นทางการ มักเห็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกเหล่าทัพตัดผมเกรียน ทรงรองหวี ที่ไม่สั้นเตียนเหมือนทรงนักเรียนทีเดียว แต่ก็ส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามคำสั่งที่ออกเป็นหนังสือเวียน หรือวิทยุแจ้งหน่วยให้ตัดผมทรงดังกล่าวในเวลาต่อไป เข้าทำนอง

"ผู้บังคับบัญชา" ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างก่อน!!!!

และเมื่อคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการทั้งเรื่องทรงผมและป้ายชื่อ ก็จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ของสารวัตรทหารและกรมจเรทหาร (เหล่าทัพ) สุ่มตรวจกำลังพลเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามคำสั่งด้วย

ช่างตัดผมในรั้วทหารระบุ ศีรษะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในระดับทหารชั้นสัญญาบัตรก็ต้องคำนึงเรื่องบุคลิก ใครที่มีผมหงอกสีขาวที่โคนก็ต้องไถแบบกลืนนวล ไล่สีตั้งแต่โคนไปปลายผมให้ออกมาดูดี บางคนมีปัญหาเรื่องศีรษะล้านหลายแบบ

"โดยเฉพาะทุ่งหมาหลง ดงช้างข้าม ง่ามเทโพ ชะโดตีแปลง ก็ต้องไล่ดูความยาวในแต่ละส่วนให้ดี หรือบางทีก็ต้องเกรียนไปเลย ไม่อย่างนั้นก็จะดูตลกไปเลย ช่างเองก็ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ไถ ค่อยๆ เล็มไป"

ขณะที่กำลังพลระดับล่างหรือชั้นประทวนที่มีรายได้น้อย แม้ร้านตัดผมในหน่วยทหารจะคิดราคาแค่ 30-50 บาท แต่หลายหน่วยก็ได้ริเริ่มเรื่องสวัสดิการตัดผมฟรี โดยมีการจ้างช่างตัดผมจากวิทยาลัยสารพัดช่างมาสอนให้พลทหารของหน่วยมีทักษะในการตัดผมทรงดังกล่าว รองรับกำลังพลระดับล่างที่มาใช้บริการโดยไม่ต้องไม่เสียเงิน อีกทั้งยังเป็นการฝึกอาชีพให้พลทหารเมื่อปลดประจำการด้วย

อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวได้มีการบรรจุไว้ในระเบียบราชการอยู่แล้ว และมีการสืบค้นไปว่าทรงผมดังกล่าวเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ยุคจอมพลผิน ชุณหะวัณ ตั้งแต่ปี 2495 จึงเป็นเรื่องของหลักปฏิบัติทางทหารในอดีตที่เคยใช้กันมานาน

ในรั้วทหารยามนี้ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างผิดหูผิดตา นอกจากทรงผมใหม่แล้ว ยังมีการเปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ การติดเครื่องหมายบอกหน่วยที่ปกเสื้อ การแต่งกายที่เป็นระเบียบวินัย มากขึ้น รวมไปถึงการทำความเคารพด้วยท่า

ยกอก....อึ้บ พรึ่บพรั่บๆ ด้วย.