นิวยอร์กไทมส์แฉ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรึกษาผู้ช่วยคนสนิทถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่โดนห้ามปรามไว้ว่าอาจก่อสงครามทั้งที่เหลืออีก 2 เดือนเขาก็จะพ้นจากตำแหน่ง

    รายงานของนิวยอร์กไทมส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ในจำนวนนี้รวมถึงรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์, รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ และนายพลมาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม โดยทรัมป์สอบถามเจ้าหน้าที่คนสนิทเหล่านี้ว่า "เขามีทางที่จะดำเนินการกับแหล่งนิวเคลียร์หลักของอิหร่านในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหรือไม่"

    ไทมส์รายงานต่อว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้ "ห้ามปรามประธานาธิบดีจากการเดินหน้าโจมตีทางทหาร" โดยเตือนทรัมป์ว่า การโจมตีดังกล่าวอาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งที่กว้างขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

    อาลี ราบีอี โฆษกรัฐบาลอิหร่าน กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันอังคารว่า ปฏิบัติการทางทหารใดๆ ของสหรัฐจะเผชิญกับการตอบโต้ขั้นเด็ดขาด แต่โฆษกผู้นี้เสริมว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่สหรัฐจะอยากก่อความไร้เสถียรภาพขึ้น

    ข่าวของไทมส์กล่าวว่า เป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่สหรัฐอาจโจมตีก็คือโรงงานเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่เมืองนาทานซ์ ภาคกลางของอิหร่าน

    ตามรายงานกล่าวว่า ทรัมป์ถามเจ้าหน้าที่คนสนิทเหล่านี้ถึงทางเลือกต่างๆ หลังจากมีรายงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ว่าอิหร่านยังคงกักตุนยูเรเนียมสมรรถนะต่ำเกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปี 2558 ที่อิหร่านทำไว้กับชาติมหาอำนาจ

    ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงฉบับนี้เมื่อปี 2561 แล้วรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านเองโดยฝ่ายเดียว ซึ่งทำให้อิหร่านระงับการปฏิบัติตามข้อผูกมัดบางประการตามข้อตกลงนี้

    รัฐบาลยุโรปหลายประเทศที่พยายามรักษาข้อตกลงฉบับนี้ไว้ต่อไป มีความหวังว่า การที่โจ ไบเดน ได้รับการคาดคะเนว่าชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จะทำให้รัฐบาลสหรัฐรื้อฟื้นแนวทางการทูตใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ทรัมป์ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ รัฐบาลของเขาให้คำมั่นว่าจะเพิ่มนโยบายลงโทษอิหร่านมากขึ้น ที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่าเป็นความพยายามสร้าง "กำแพงการคว่ำบาตร" ที่จะทำให้รัฐบาลไบเดนล้มเลิกได้ยากหลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม.