สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตผ่านหลัก 250,000 ศพแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นิวยอร์กซิตีสั่งโรงเรียนรัฐทั้งหมดมากกว่า 1,800 แห่งเปลี่ยนเป็นเรียนทางไกล

นักโทษอาสาสมัครขนย้ายศพผู้ป่วยโควิด-19 แช่ในเทรลเลอร์ห้องเย็นที่เปลี่ยนเป็นห้องเก็บศพชั่วคราว ในเทศมณฑลเอลปาโซ รัฐเทกซัส เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563

    ข้อมูลอย่างเป็นทางการรวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์นับถึงวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 250,520 คน มากกว่าทุกประเทศในโลก และมีผู้ติดเชื้อไวรัสสะสมมากกว่า 11.5 ล้านคน เปรียบเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกถึงขณะนี้ที่มีมากกว่า 56.2 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 1.3 ล้านคน

    เอเอฟพีกล่าวว่า มลรัฐและเมืองต่างๆ ของสหรัฐกำลังใช้มาตรการควบคุมครั้งใหม่อีกหลายประการ ซึ่งรวมถึงการจำกัดให้อยู่บ้าน, ปิดร้านอาหารแบบรับประทานภายในอาคาร และจำกัดการชุมนุม ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มมากขึ้น โดยในวันพุธ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 157,950 คนภายใน 24 ชั่วโมง และมีผู้ป่วยเสียชีวิตอีกมากกว่า 1,400 คน

    ข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลทั่วสหรัฐเมื่อวันพุธก็เพิ่มเป็นสถิติสูงสุดเช่นกันที่เกือบ 79,000 ราย เพิ่มจากประมาณ 75,000 รายเมื่อวันอังคาร

    นิวยอร์กซิตี ที่เคยเป็นศูนย์รวมการแพร่ระบาดแห่งแรกในสหรัฐเมื่อ 8 เดือนก่อน กำลังเผชิญกับการกลับมาระบาดอีกครั้งช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง หลังจากสถานการณ์ทุเลาลงในช่วงฤดูร้อน โรงเรียนต่างๆ ใช้ระบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบไม่เต็มเวลามาตั้งแต่เดือนกันยายน โดยนักเรียน 1.1 ล้านคนแบ่งการเรียนใน 1 สัปดาห์ระหว่างการเข้าชั้นเรียนและเรียนทางออนไลน์

    อย่างไรก็ดี เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี นายกเทศมนตรีบิล เดอ บลาซิโอ ของนิวยอร์กซิตี มีคำสั่งให้ปิดการเรียนการสอนภายในโรงเรียนของรัฐทั้งหมด 1,800 แห่ง แล้วให้เปลี่ยนเป็นการเรียนทางไกล หลังจากอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อในนิวยอร์กเฉลี่ย 7 วันเพิ่มสูงเป็นสถิติถึง 3%

    "เราต้องต่อสู้กับโควิด-19 ระลอกที่ 2" เขากล่าว

    การตัดสินใจของนิวยอร์กเป็นไปในทำนองเดียวกับเขตการศึกษาขนาดใหญ่ในหลายเมือง เช่นบอสตันและดีดรอยต์ ที่ยกเลิกการเข้าชั้นเรียน ส่วนบางเขตการศึกษาเช่นในเขตคลาร์กเคาน์ตีที่รวมถึงลาสเวกัส และระบบโรงเรียนภาครัฐในฟิลาเดลเฟีย ต่างเลื่อนแผนกลับสู่ชั้นเรียนออกไปก่อน.