จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอินโดนีเซียผ่านหลัก 500,000 คนแล้วเมื่อวันจันทร์ ขณะยอดเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่รายวันรอบสัปดาห์ทำสถิติสูงสุด ส่วนมาเลเซียพบการระบาดในโรงงานผลิตถุงมือ ท็อปโกลฟ ต้องปิดโรงงาน 28 แห่ง

    รายงานรอยเตอร์เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน กล่าวว่า อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด 502,110 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิต 16,002 คน เป็นจำนวนสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกล่าวว่า ความขาดแคลนการตรวจหาเชื้อและการติดตามผู้สัมผัสเชื้อ และอัตราการติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าจำนวนที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก

    เดือนพฤศจิกายนนี้ อัตราเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันของอินโดนีเซียอยู่ที่ประมาณ 4,000 ราย แต่ข้อมูลเมื่อวันจันทร์เผยแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น เมื่ออัตราเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 7 วัน เพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่ที่ 4,495 ราย และอัตราการพบผู้ติดเชื้อสูงกว่า 16% ติดต่อกัน 3 วัน

    ที่เมืองบันดุง เมืองเอกของจังหวัดชวาตะวันตกที่มีประชากรเกือบ 50 ล้านคน โรงพยาบาล 27 แห่งในจังหวัดรองรับคนไข้ 88.8% แล้ว เตียงที่จัดรองรับผู้ป่วยโควิด-19 มีคนไข้แล้ว 698 เตียง จากทั้งหมด 786 เตียง

    ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า อัตราการเข้ารักษาของคนไข้ในวอร์ดผู้ป่วยโควิดของชวาตะวันตกอยู่ที่ 73% ส่วนที่จังหวัดบันเตินและชวากลางมีอัตราที่ราว 70%

    ส่วนที่มาเลเซีย บริษัท ท็อปโกลฟ ผู้ผลิตถุงมือศัลยกรรมรายใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมปิดโรงงาน 28 แห่ง หรือเกินครึ่งหนึ่งที่มีในมาเลเซีย ภายหลังพบคนงานติดเชื้อแล้ว 2,453 ราย จากการตรวจ 5,767 ราย เจ้าหน้าที่กล่าวว่า แรงงานเกือบทั้งหมดที่ติดเชื้อไวรัสเป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มในโรงงาน โดยเป็นแรงงานต่างชาติ 2,360 คน และชาวมาเลเซีย 164 คน

    จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสในมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากนับแต่เดือนตุลาคม ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการควบคุมไวรัสอย่างเข้มงวดมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในมาเลเซียถึงวันจันทร์เพิ่มเป็น 56,659 ราย เสียชีวิตแล้ว 337 ราย.