'ไบเดน'ลั่นอเมริกากลับมาแล้ว พร้อมคืนบัลลังก์ผู้นำโลก


เพิ่มเพื่อน    

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐลั่น "อเมริกากลับมาแล้ว และพร้อมจะเป็นผู้นำโลก" โดยเปิดรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีด้านความมั่นคงและการต่างประเทศเมื่อวันอังคาร บ่งบอกชัดเจนว่า เขาจะนำสหรัฐกลับเข้าสังคมโลกพหุภาคีอีกครั้ง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างปฏิปักษ์และทำห่างเหินกับชาติพันธมิตรด้วยนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ (กลาง) แนะนำผู้ที่เขาเสนอชื่อรับตำแหน่งสำคัญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563

    โจ ไบเดน วัย 78 ปี ซึ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดี 8 ปีในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เขาเลือกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง, ทูตประจำองค์การสหประชาชาติ และผู้แทนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    "ข้าราชการเหล่านี้จะฟื้นฟูความเป็นผู้นำระดับโลกและความเป็นผู้นำด้านศีลธรรมของอเมริกา" ไบเดนกล่าวโดยมีบุรุษและสตรี 6 คนในตำแหน่งข้างต้นยืนอยู่ด้านหลัง

    ไบเดนกล่าวว่า เมื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม และโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากทำเนียบขาวแล้ว สหรัฐจะ "กลับมานั่งหัวโต๊ะอีกครั้ง, พร้อมจะเผชิญหน้ากับศัตรูของเรา และไม่ปฏิเสธพันธมิตรของเรา"

    "นี่คือทีมที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่า อเมริกากลับมาแล้ว, พร้อมที่จะเป็นผู้นำโลก ไม่ถอยหนีจากโลก" ไบเดนกล่าวเหน็บแนมถึงนโยบายลุยเดี่ยว "อเมริกามาก่อน" ของทรัมป์

    ด้านทรัมป์กำลังเข้าตาจนมากขึ้น เมื่อรัฐเพนซิลเวเนียและเนวาดาให้การรับรองว่าไบเดนคือผู้ชนะเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนในรัฐนั้น หนึ่งวันก่อนหน้านี้รัฐมิชิแกนก็เพิ่งรับรองว่าไบเดนคือผู้ชนะ และทำให้สำนักบริหารการบริการทั่วไป (จีเอสเอ) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่ไบเดนอย่างเป็นทางการ และทรัมป์อนุมัติ ซึ่งเท่ากับเขายอมรับความพ่ายแพ้โดยปริยาย

    กระนั้น ในวันอังคาร ทรัมป์ยังคงดื้อแพ่งด้วยการทวีตภาพเขาในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว พร้อมคำบรรยายภาพว่า "ผมไม่ได้ยอมรับอะไรทั้งนั้น"

    การตัดสินใจของจีเอสเอเปิดทางให้ไบเดนเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ และจะอนุญาตให้ผู้ช่วยของเขาได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันแล้วกว่า 259,000 คน และทำให้ตกงานอีกหลายสิบล้านคน

    ไบเดนกล่าวกับเอ็นบีซีในการให้สัมภาษณ์ทีวีครั้งแรกนับแต่ชนะเลือกตั้งว่า การทำงาน 100 วันแรกของเขา เขาจะจัดการกับวิกฤติโควิด, ทิ้งนโยบายของทรัมป์ที่ "ทำลาย" สิ่งแวดล้อม และผลักดันกฎหมายที่เสนอเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองสำหรับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐที่ไม่มีเอกสารหลายล้านคน

    รายชื่อที่ไบเดนเปิดเผยนั้นเต็มไปด้วยอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลโอบามา และส่งสัญญาณว่าเขาจะนำสหรัฐกลับเข้าสู่ระบบพหุภาคีและการทูตแบบเก่า

    เขาเลือกแอนโทนี บลิงเคน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลโอบามา รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บลิงเคนประกาศชัดเจนว่าสหรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาโลกด้วยตนเองเพียงชาติเดียว "เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ"

    จอห์น แคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับเลือกเป็นทูตพิเศษด้านภาวะโลกร้อน เขายืนยันว่าสหรัฐจะกลับเข้าสู่ความตกลงปารีสที่ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวเมื่อต้นเดือนนี้

    นอกจากนี้ ไบเดนยังเลือกอาเลฮันโดร มายอร์กัส ที่มีเชื้อสายคิวบา เป็นรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุูภูมิ, แอฟริล เฮนส์ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง และจะเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้, เจค ซัลลิแวน เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และคาดด้วยว่า เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลาง จะได้เป็นรัฐมนตรีคลังหญิงคนแรก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"