ดื้อดึงจนถึงที่สุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบคำถามนักข่าวครั้งแรกนับแต่วันเลือกตั้ง บอกพร้อมออกจากตำแหน่งหากคณะผู้เลือกตั้งลงมติกลางเดือนหน้าว่า โจ ไบเดน คือผู้ชนะอย่างเป็นทางการ แต่ยังดันทุรังอ้างยากจะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่เขาพร่ำครวญตลอดว่าโดนโกง

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 74 ปี ซึ่งปฏิเสธจะตอบคำถามผู้สื่อข่าวมาโดยตลอดนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน ปริปากกับนักข่าวครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่เป็นวันขอบคุณพระเจ้า โดยทรัมป์ถูกนักข่าวตั้งคำถามว่า เขาจะออกจากทำเนียบขาวหรือไม่ หากคณะผู้เลือกตั้งยืนยันว่าไบเดนคือผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

    "แน่นอน ผมจะออก และคุณก็รู้" แต่ "ถ้าพวกเขายืนยัน พวกเขาก็ทำผิดพลาด" ทรัมป์กล่าวด้วยท่าทีที่ใกล้เคียงกับการยอมรับความพ่ายแพ้มากที่สุดจนถึงขณะนี้ "มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับ"

    "ผมคิดว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างตอนนี้ถึงวันที่ 20 (มกราคม)” เขากล่าวถึงวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน

    ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ดื้อดึงท้าทายผลการเลือกตั้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้, เผยแพร่ทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการขโมยบัตรลงคะแนน และยังฟ้องร้องต่อศาลด้วยข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐาน แต่ถูกศาลหลายมลรัฐปฏิเสธ

    ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐนั้นไม่ได้วัดจากคะแนนมหาชนของทั้งประเทศ ซึ่งไบเดนชนะทรัมป์มากกว่า 6 ล้านคะแนน แต่ใช้ระบบคณะผู้เลือกตั้งที่เป็นผู้แทนลงคะแนนของ 50 มลรัฐและดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ผู้ที่จะชนะจะต้องได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งหรืออย่างน้อย 270 เสียง ผลคะแนนในครั้งนี้ไบเดนได้คณะผู้เลือกตั้ง 306 คน ส่วนทรัมป์ได้ 232 คน คณะผู้เลือกตั้งจะลงคะแนนกันในวันที่ 14 ธันวาคม

    "การเลือกตั้งครั้งนี้มีการทุจริต" ทรัมป์กล่าวหาซ้ำอีกโดยไม่ได้แสดงหลักฐาน ระหว่างการตอบข้อซักถามของนักข่าวภายหลังอวยพรวันขอบคุณพระเจ้าต่อบรรดาทหารอเมริกันผ่านระบบวิดีโอลิงค์ เขายังกล่าวถึงโครงสร้างพื้นฐานของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของสหรัฐว่า "เหมือนกับประเทศโลกที่ 3"

    ทรัมป์เคยอ้างทฤษฎีสมคบคิดหลายทฤษฎี ซึ่งรวมถึงกล่าวหาว่าเครื่องลงคะแนนเสียงเลือกตั้งถูกกำหนดให้ลบคะแนนของเขาทิ้งหลายล้านคะแนน แต่หน่วยงานดูแลความปลอดภัยด้านการเลือกตั้งของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นประกาศชัดว่า เลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งที่ปลอดภัยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

    ด้านไบเดน ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เปิดเผยรายชื่อว่าที่คณะรัฐมนตรีชุดแรกของเขาในตำแหน่งสำคัญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง กล่าวว่า ชาวอเมริกันจะไม่ยอมทนกับความพยายามขัดขวางผลคะแนน พร้อมกับเรียกร้องให้คนอเมริกันเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อสู้กับโรคระบาด

    สหรัฐมีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตแล้วมากกว่า 260,000 คน สถานการณ์การระบาดขณะนี้ยังน่าเป็นห่วงโดยมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 2,000 คนในช่วงไม่กี่วันมานี้ ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมมีมากกว่า 12.8 ล้านคนแล้ว.