KBANK เผยไตรมาสแรกกลุ่มลูกค้าบรรษัทโตตามทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งออกพุ่งต่อเนื่อง หนุนสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่โต 12%

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 61 ของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทของธนาคารที่ดูแลลูกค้าธุรกิจรายใหญ่มีการเติบโตสูงกว่าคาด หลังจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวที่ดีขึ้น และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ส่งผลให้ลูกค้ารายใหญ่มีความต้องการสินเชื่อ และเงินทุนเพื่อดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทมีรายได้ 6,371 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ปี 60 และรายได้ค่าธรรมเนียม 3,117 ล้านบาท เติบโต 3% มียอดสินเชื่อรวม 581,580 ล้านบาท เติบโต 12% 

อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อที่เติบโตได้เกินเป้าหมายมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังส่งแรงหนุนให้ปริมาณธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศของธนาคารคึกคักตามไปด้วย ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเพื่อสานต่อโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ขณะที่ธนาคารยังสามารถควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ได้ตามเป้าหมาย

“กลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ของธนาคารยังคงมีความต้องการระดมเงินทุนในรูปแบบหุ้นกู้ภาคเอกชน (Bond) โดยในไตรมาส 1 ธนาคารขึ้นเป็นผู้นำตลาดมีมูลค่าการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนรวมกว่า 45,662 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 24% และจากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ยังเติบโตได้ดี อีกทั้งการขยายตัวของสังคมไร้เงินสดในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนลูกค้าให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ สินเชื่อรวมเติบโตที่ 6-8% และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตที่ 2-5%”

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังพัฒนาโซลูชั่นที่เกี่ยวเนื่องกับสังคมไร้เงินสด โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มความสามารถเครื่องอีดีซีให้รับชำระเงินผ่านคิวอาร์ โค้ด รวมถึงยังสามารถรองรับการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น  Alipay และ WeChat Pay ของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยได้ติดตั้งเครื่องอีดีซีที่มีฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน มุ่งเน้นเจาะกลุ่มสถานประกอบการที่เป็นผู้นำตลาดซึ่งรองรับการชำระเงินในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก อาทิ โรงพยาบาล สถานเสริมความงาม โรงแรม ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านทอง โรงรับจำนำ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ สายการบิน ท่าเรือ มหาวิทยาลัย และบริษัทประกัน ทำให้มีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านเครื่องอีดีซีของธนาคารในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นถึง 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว