กองทัพสหรัฐแสดงพลังข่มอิหร่าน ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล บี-52 สองลำไปยังภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเมื่อวันพฤหัสบดี ใกล้วันครบรอบปีที่สหรัฐส่งโดรนลอบสังหารนายพลกาเซม สุไลมานี ของอิหร่าน

แฟ้มภาพ เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 ของกองทัพสหรัฐ

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม ระบุว่า การวางกำลังเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐเป็นการแสดงพลังที่มีอิหร่านเป็นเป้าหมายโดยตรง ในช่วงเวลาที่สหรัฐลดกำลังพลภาคพื้นดินในอิรัก, อัฟกานิสถานและซูดาน ตามแผนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้เมื่อปีที่แล้ว

    เครื่องบิน 2 ลำนี้บินขึ้นจากฐานทัพอากาศบาร์กส์เดลในลุยเซียนาโดยใช้เวลาบิน 36 ชั่วโมง ข้ามยุโรปและคาบสมุทรอาหรับมายังอ่าวเปอร์เซีย โดยบินอ้อมใกล้กาตาร์ แต่เว้นระยะห่างที่ปลอดภัยจากชายฝั่งของอิหร่าน ภารกิจนี้มีเครื่องบินจากซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน และกาตาร์ บินไปพร้อมกันในน่านฟ้าของประเทศเหล่านี้ด้วย

    พลเอกแฟรงก์ แม็กเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางของสหรัฐ กล่าวว่า ภารกิจนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำความยึดมั่นของสหรัฐต่อพันธมิตรในภูมิภาคนี้ และยังย้ำขีดความสามารถในการวางกำลังรบอย่างรวดเร็วทุกหนแห่งในโลก

    แม้นายพลสหรัฐผู้นี้จะไม่ได้เอ่ยถึงอิหร่านว่าเป็นจุดสนใจของภารกิจนี้ แต่ที่ผ่านมาสหรัฐเคยแสดงแสนยานุภาพทางอากาศและทางทะเลหลายครั้งเพื่อป้องปรามอิหร่านจากการแสดงพฤติกรรมมุ่งร้ายต่อกำลังทหารสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคอ่าวฯ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน สหรัฐเพิ่งส่งกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบิน นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส นิมิตซ์ แล่นเข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย

    แม็กเคนซียังกล่าวอีกว่า การวางกำลังบี-52 ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีที่กองทัพสหรัฐส่งโดรนลอบสังหารนายพลกาเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่าน ขณะเยือนกรุงแบกแดดของอิรัก เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563

    คาดหมายกันว่าอิหร่านพยายามล้างแค้นเหตุการณ์นี้ ยิ่งโดยเฉพาะมูห์เซ็น ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อาวุโสของอิหร่าน โดนลอบสังหารอีกคนเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งอิหร่านกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล.