ปีหน้าคือ ‘เศรษฐกิจวัคซีน’


เพิ่มเพื่อน    

 

           ดูชาร์ตนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่นำเสนอเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จะเห็นภาพการพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้ค่อนข้างชัดเจน

                จะเป็นการ “ค่อยๆ ฟื้น” ที่มีความไม่แน่นอนสูง

                เพราะมีปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

                ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและความไม่ชัดเจนจึงเป็นทักษะของทั้งรัฐบาลและคนไทยทุกคนในปีหน้าเป็นต้นไป

                ตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจของไทยวันนี้คือคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%

                ลดเป้าจีดีพีของปี 64 เหลือโตเพียง 3.2% (จากฐานที่ลดปีนี้ไม่น้อยกว่า 6.6%)

                อีกด้านหนึ่งกระทรวงพาณิชย์ประเมินการส่งออกไทยปี 64 น่าจะพลิกกลับมาขยายตัว 4% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

                กุญแจสำคัญของการฟื้นตัวอยู่ที่ความสำเร็จในการใช้วัคซีนโควิด

                แต่ 11 เดือนของปี 63 การส่งออกไทยหดตัว 6.92%

                ภาพรวมอย่างนี้ทำให้เราต้องยอมรับความจริงว่า กว่าเศรษฐกิจไทยกลับไปสู่ระดับเท่ากับก่อนโควิดระบาดนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-5 ปี

                และปัจจัยหลักอีกประการหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของแต่ละภาคส่วนด้วยเช่นกัน

                เพราะมันจะเป็นการฟื้นตัวที่ไม่เสมอในระดับเดียวกัน

                คุณทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ กนง. บอกว่า คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

                คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า

                จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง

                คณะกรรมการจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดเพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

                คณะกรรมการคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวร้อยละ 6.6 ในปี 2563 ดีกว่าที่ประเมินไว้เดิมจากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวดีขึ้น

                คาดว่าจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 3.2 และ 4.8 ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ

                แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง

                ในระยะสั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่

                ในระยะถัดไปการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 และพัฒนาการของตลาดแรงงาน

                ที่น่ากังวัลคือ เรายังมีจำนวนผู้ว่างงาน และ “เสมือนว่างงาน” อยู่ในระดับสูง

                นอกจากนี้ การฟื้นตัวที่แตกต่างกันของแต่ละภาคเศรษฐกิจจะส่งผลต่อความยั่งยืนของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป

                ด้านระบบการเงินมีเสถียรภาพ แต่ยังคงมีความเปราะบางในภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs

                อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี 2564 และจะอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายตลอดช่วงประมาณการ        

                สภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจและครัวเรือนบางส่วนที่ต้องการสภาพคล่องยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ.เคลื่อนไหวผันผวนสอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาค ทั้งนี้

                พรุ่งนี้ประเมินปัจจัยกระทบสถานการณ์เศรษฐกิจปีหน้าต่อครับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"