สมมติว่าเศรษฐกิจไทยกลับมา เหมือนก่อนโควิดปลายปี 65?


เพิ่มเพื่อน    

 

         เมื่อวานผมเขียนถึงแนวทางวิเคราะห์เศรษฐกิจปี 2564 ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีประเด็น “ปัจจัยความไม่แน่นอน” สูงหลายประการที่คนไทยควรจะต้องนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินชีวิตของตน

                คุณทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แสดงความกังวลเงินบาทแข็งค่าและเร็ว จึงจำเป็นต้องสั่งเพิ่มมาตรการดูแลในกรณีที่จำเป็น

                เมื่อเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเร็วจากสภาวะเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุน (risk-on sentiment) และแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม

                และมีสิ่งที่เรียกว่า “การสร้างระบบนิเวศใหม่ของอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem)” อย่างต่อเนื่อง

                อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกันคือ ความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป

                นโยบายการเงินยังต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง

                และมาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ “ตรงจุดและทันการณ์”

                หัวใจคือ “ตรงจุดและทันการณ์”

                ยกตัวอย่างมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต

                อีกทั้งยังต้องผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในวงกว้าง

เพราะถ้าหากไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะกลายเป็นภาระหนักทั้งสำหรับลูกหนี้และเจ้านี้

                มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างปฏิเสธไม่ได้

                ที่ยังเป็นปัญหาอีกเรื่องหนึ่งคือ มาตรการทางการคลังพยุงเศรษฐกิจ

                จะต้องทำโดยไม่ขาดช่วงและประเมินผลอยู่ตลอดเวลา

                โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ

                ควบคู่กับการดำเนินการนโยบายด้านอุปทานเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

                ในภาพรวมธนาคารกลางได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยคาดว่าเศรษฐกิจปี 2563 จะหดตัว -6.6%

                ดูแล้วอาจจะดีขึ้นกว่าเดิมที่คาดว่าจะหดตัว -7.8% แต่ก็ไม่อาจจะไว้วางใจได้

                เพราะข้อสมมุติฐานนี้อยู่ที่ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/2563 และไตรมาส 4/2563

                โดยเฉพาะการฟื้นตัวของการบริโภคและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ ส่วนปี 2564

                อีกทั้งยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.2% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.6%

                เพราะเชื่อว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่ช้ากว่าที่คาดไว้เดิม

                มองข้ามช็อตไปปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.8% จากการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 5%

                การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3%

                การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 5%

                การอุปโภคภาครัฐขยายตัว 1%

                การลงทุนภาครัฐขยายตัว 0.2%

                นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 23 ล้านคน

                และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 1%

                การคำนวณจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นโจทย์ยากที่สุดในยามที่ทุกอย่างยังไม่มีความแน่นอน

                คุณทิตนันทิ์บอกนักข่าวว่า

                “ประมาณการเศรษฐกิจปี 2564 แบงก์ชาติปรับตัวเลขลงจากประมาณการครั้งก่อนพอสมควร ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราปรับสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือ 5.5 ล้านคน จากประมาณการครั้งที่แล้วที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9 ล้านคน ส่วนปี 2565 คาดว่าการท่องเที่ยวและภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าขนาดจีดีพีของไทยจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิดในช่วงครึ่งหลังของปี 2565” 

                การแพร่ระบาดโควิดในไทยที่เพิ่มขึ้น หากอยู่ช่วง 1 เดือน แต่ไม่เกิน 2 เดือน และการระบาดกระจายอยู่ในวงจำกัด คาดว่าเศรษฐกิจปี 2564 จะยังขยายตัว 3.2%

                ที่ประชุม กนง.มอบหมายให้ทีมงานของ ธปท.พิจารณามาตรการที่จะนำมาใช้เพิ่มเติม หากการแพร่ระบาดของโควิดแย่กว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือยืดเยื้อมากกว่าที่คาดไว้

                มีโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่?

                คำตอบคือแม้จะมีข้อจำกัด แต่ “พร้อมใช้ในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”

                นั่นแปลว่าก็ยังพอมีช่องว่างเหลืออยู่บ้าง ครั้งนี้ไม่ลด แล้วรอดูสถานการณ์ และประเมินกันใหม่ในครั้งต่อไป

                คุณทิตนันทิ์คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2564 หลังมีการฉีดวัคซีนให้ประชากรในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วไม่น้อยกว่า 30% ในช่วงไตรมาส 2/2564

                และฉีดวัคซีนให้ประชากรให้ประเทศที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยไม่น้อยกว่า 30% ในช่วงไตรมาส 3/2564

                รวมทั้งไทยมีการฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ประมาณ 20% ในช่วงไตรมาส 4/2564

                หากเป็นไปตามที่คาดหมาย ปี 2565 จะเห็นภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง  เพราะประชากรทั่วโลกส่วนใหญ่หรือ 60-70% ได้รับวัคซีนจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่

                ภาพใหญ่ที่เห็นสำหรับปีใหม่จึงมีคำว่า “ถ้า” มากมายหลายด้าน เพราะไม่มีใครรู้ว่าอะไรที่มองเห็นในวันนี้จะยังเป็นเช่นนั้นในวันพรุ่งนี้หรือไม่

                ทางรอดทางเดียวคือ ต้องมีความคล่องแคล่วและอึดพอที่จะฝ่าข้ามอุปสรรคไม่ว่าจะมาจากทิศทางไหนหรือหนักเบาเพียงใด!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"