ทรัมป์ซ่าจนหยดสุดท้าย


เพิ่มเพื่อน    

 

         วันนี้จะเป็นก้าวสำคัญอีกจังหวะหนึ่งของการยืนยันว่า "โจ ไบเดน" ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทนโดนัลด์ ทรัมป์

            วันที่ 6 มกราคม คือวันนี้ สภาคองเกรสสหรัฐฯ ประชุมเพื่อนับคะแนนของ "คณะเลือกตั้ง" หรือ Electoral  College ของทุกรัฐ เพื่อเป็นมติอย่างเป็นทางการในการยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้

            ที่ผ่านมาแต่ละรัฐได้หย่อนบัตรเลือกตั้งของตนเองเสร็จแล้ว และผลก็ออกมาว่าไบเดนได้ 306 และทรัมป์ได้  232

            ขั้นตอนต่อไปของพิธีกรรมนี้ก็คือ การประชุมร่วมของสภาทั้งสองเพื่อรับรองคะแนนที่นับเสร็จแล้วจากรัฐต่างๆ

            โดยมีรองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์นั่งเป็นประธานของการประชุมสภาคองเกรสโดยตำแหน่ง

            โดนัลด์ ทรัมป์ออกมาสำทับหลายครั้งว่าเขาถูกโกงเลือกตั้ง และมีคะแนนผี คะแนนที่ถูกนับทั้งๆ ที่ส่งมาล่าช้า  ดังนั้นเขาจึงถูกปล้นชัยชนะ

            ทรัมป์ร้องเรียนไปยังศาลของรัฐหลายรัฐ ท้ายสุดก็ส่งเรื่องไปที่ศาลสูง แต่ทุกศาลก็ยกฟ้องหมด บอกว่าทรัมป์ไม่มีหลักฐานอะไรที่มีน้ำหนักพอที่จะรับเรื่องเอาไว้ด้วยซ้ำ

            แต่ทรัมป์ยังดื้อรั้น มีข่าวว่าเขาจะบอกให้รองประธานาธิบดีที่นั่งเป็นประธานในการนับคะแนนในการประชุมสภาร่วมนี้ ระงับการนับไว้ก่อนเพื่อให้สภาสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้งของเขา

            เป็นไปได้ว่า ส.ส.บางคนอาจจะเอาใจทรัมป์ด้วยการอ้างว่าผลการนับคะแนนในบางรัฐมีพิรุธ ควรจะต้องมีการนับใหม่ ขอให้รัฐสภายังไม่มีการรับรองผลการเลือกตั้ง

            หากมี ส.ส.คนไหนเสนออย่างนั้น ก็จะต้องมีการลงมติของทั้งสองสภาว่าจะรับเรื่องหรือไม่

            ประเมินกันว่าคงจะมีดรามาจาก ส.ส.ที่ใกล้ชิดกับทรัมป์แสดงอาการไม่พอใจบ้าง แต่แม้จะต้องมีการลงมติในแต่ละสภา พรรคเดโมแครตของไบเดนก็คงจะยังไม่ผ่านข้อร้องเรียนอยู่ดี

            ทรัมป์เพี้ยนหนักถึงขั้นมีข่าวว่า เขาเรียกประชุมผู้นำกองทัพบางคนที่ทำเนียบขาวเพื่อปรึกษาว่าจะมีทางประกาศ "กฎอัยการศึก" เพื่อสกัดไม่ให้ไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีแทนเขาหรือไม่

            ข่าวเรื่องนี้มาจากอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่กระซิบบอกนิตยสาร Newsweek ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ ถูกเรียกไป "หารือลับ"  กับทรัมป์

            โดยมีแนวโน้มว่าทรัมป์อาจจะขอให้นายทหารบางคนสนับสนุนเขา "ประกาศกฎอัยการศึก" ในช่วงเวลานี้ก่อนถึง  20 มกราคม เพื่อขัดขวางไม่ให้ไบเดนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ

            แต่ทรัมป์คงไม่รู้ว่าเหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองสหรัฐฯ นั้นไม่มีใครบ้าพอที่จะทำตามที่เขาเสนอ เพราะมันผิดรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง

            นายทหารสหรัฐฯ คนหนึ่งเคยประกาศไว้ว่า "ทหารอเมริกันนั้น เวลาที่สาบานตนรับหน้าที่ในกองทัพนั้น ประกาศว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ไม่ได้สาบานตนปกป้องประธานาธิบดีครับ"

            มีคำถามว่า แล้วเป็นไปได้ไหมที่ทรัมป์จะอาละวาดถึงขั้นสั่งระดมกองกำลังทหารส่วนตัวเข้ามาขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจและสร้างความวุ่นวายในกรุงวอชิงตัน

            ถ้าเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ จะกลายเป็นประเทศโลกที่สาม หมดสภาพของการเป็นรัฐประชาธิปไตยที่เคยอ้างว่าตนเป็นแม่แบบแห่งความเป็นประชาธิปไตยอันดับหนึ่งของโลก

            อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งบอก Newsweek ว่า "ผมทำงานในกองทัพมากว่า 40 ปี ไม่เคยเห็นการหารือเช่นนี้มาก่อนเลย ให้ตายซิ!"

            นิตยสารอเมริกันฉบับนี้อ้างว่าได้คุยกับแหล่งข่าว 6  ราย ที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าทรัมป์จะไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากนายพลระดับสูงในกองทัพถ้าจะให้ทำอะไรบ้าๆ ถึงขนาดนั้น

            ความจริงก่อนที่ Newsweek จะไปเจาะเรื่องนี้ ก็มีรายงานข่าวสักประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ว่าทรัมป์เรียกประชุมที่ห้องทำงาน Oval Office ในทำเนียบขาว เพื่อหาทางออกทุกรูปแบบในจุดมุ่งหมายที่จะคว่ำชัยชนะของไบเดนให้จงได้

            แต่ทรัมป์ก็รีบปฏิเสธทันควัน เขียนในทวิตเตอร์ว่า  กฎอัยการศึก=ข่าวปลอม แค่การรายงานข่าวด้วยเจตนาไม่ดีเท่านั้น!"

            นายทหารสหรัฐฯ หลายนาย รวมทั้ง ไรอัน แมกคาร์ธี  รัฐมนตรีทบวงทหารบกสหรัฐฯ และเจมส์ แมกคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ต่างออกมายืนยันว่าทหารไม่มีหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นอันขาด

            ทรัมป์ซ่าจนหยดสุดท้ายจริงๆ!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"