11 ม.ค. 64 - ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  เมื่อเวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน  ขอให้ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริง  มาตรการของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสโควิด -19   รวม 3 กรณี  คือ กรณีการปิดตลาดนัดชุมนุม ภายหลังมีการตรวจพบประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดมักใช้มาตรการปิดตลาดนัด เป็นเหตุให้พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กเดือดร้อน  ทั้งที่พื้นที่ตลาดนัดเป็นสถานที่โล่ง  โอกาสแพร่ระบาดน้อยกว่าในห้องแอร์หรือในห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ  เป็นการเลือกปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญและเอื้อกลุ่มทุน ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อหรือไม่ 

กรณีการผลิตหน้ากากอนามัยของโรงงานที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ สร้างและมอบให้กับทางราชการ โรงงานดังกล่าวว่าส่งมอบตั้งแต่เดือนเม.ย.2563  มีกำลังการผลิต 1 แสนชิ้นต่อวัน  จนถึงปัจจุบันน่าจะมีหน้ากากกว่า  30 ล้านชิ้น  แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ประชาชนกลับยังต้องหาหน้ากากอนามัยอย่างยากลำบาก และไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้หน้ากากดังกล่าวอยู่ที่ไหน       หรือว่าโรงงานดังกล่าวไม่ได้ผลิตตามที่โฆษณาไว้จริง  หรือมีการลักลอบนำเอาหน้ากากไปขายในตลาดมืด  นอกจากนั้นยังมีกระแสวิพากาวิจารณ์ว่าร้านสะดวกซื้อในเครือซีพี ขายหน้ากากอนามัยแพงกว่าราคาตามที่กฎหมายควบคุม    

และกรณีการนำวัคซีนโควิด-19  มาฉีดให้คนไทยล่าช้า เนื่องจากปลายเดือนพ.ย. 2563  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนกับบริษัท แอสตราเซนเนก้า  ซึ่งจะมีการส่งมอบวัคซีนชุดแรกกลางปีหน้า 26 ล้านโดส ทั้งที่ประเทศอื่นในภูมิภาคมีการฉีดไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา  นอกจากนั้นยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การที่รัฐบาลจัดหาวัคซีนจากบริษัท ชิโนแวค ไบโอเทค  ของจีน   ซึ่งมีข่าวว่าบริษัทเจ้าสัวเมืองไทย  เข้าไปถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวด้วย  ดังนั้นกรณีดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กันหรือไม่     

รวมทั้งกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ไม่มีการรับรองวัคซีนของบริษัทต่างๆ  ที่มีการเริ่มใช้ไปแล้ว  ทั้งนี้หาก อย.รับรองวัคซีนแล้วจะทำให้โรงพยาบาลเอกชนที่มีศักยภาพ สามารถจัดซื้อจัดหาวัคซีนมาบริการประชาชนได้รวดเร็วขึ้น แม้จะมีราคาแพง  แต่คนที่มีกำลังซื้อก็จะสามารถเข้าถึงวัคซีน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

ทั้งนี้ จึงขอให้ผู้ตรวจฯ แสวงหาข้อเท็จจริง ทั้ง  3 กรณี  เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   เลิกใช้อำนาจและเลือกปฎิบัติกรณีปิดตลาดนัดแต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้า และควรมีมาตรการชดเชยความเสียหายให้กับพ่อค้า แม่ค้า   และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องหน้ากากของบริษัท ซีพี ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณทุกเดือนว่าหน้ากากอนามัยดังกล่าว นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่  รวมทั้งตรวจสอบกี่ที่รัฐบาลจัดหาวัคซีนล่าช้า มีอะไรซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังหรือไม่ และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้รัฐบาลสั่งให้ อย.รับรองวัคซีนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว.