ทรัมป์อำลาทำเนียบขาว พรุ่งนี้...เพื่อจะกลับมาใหม่!


เพิ่มเพื่อน    

 

          พรุ่งนี้คือวันประวัติศาสตร์ของการเมืองสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง เมื่อโจ ไบเดน เข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ท่ามกลางความตึงเครียดของมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เทียบเท่ากับความตระหนกว่าจะเกิดเหตุร้ายต่อความมั่นคงของประเทศหลังกรณี 9/11 ปี 2001 เมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารหลายลำพุ่งชนตึกคู่แฝดกลางกรุงนิวยอร์กกันเลยทีเดียว

                สื่ออเมริกันใช้คำว่า Fortress หรือปราการยักษ์เพื่อป้องกันศัตรูจากภายนอก

                และ Lockdown สำหรับกรุงวอชิงตัน

                ไม่ใช่ล็อกดาวน์สู้โควิด-19 แต่เป็นการ “ปิดเมือง” เพื่อสกัดการก่อการร้ายภายในประเทศโดยคนอเมริกันเองที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง

                ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่ามีการโกงหรือกระทำการผิดกฎหมายเลือกตั้งแม้แต่กรณีเดียว

                แต่ “ลัทธิทรัมป์” กลายเป็น “ความเคลื่อนไหวทางสังคมการเมือง” ใหม่ของสหรัฐ

                ในคลิปล่าสุดของทรัมป์ที่อ้างว่าเขาประณามการกระทำความรุนแรงของผู้บุกรุกเข้าตึกรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมานั้น เขาไม่ใช้คำว่าพรรครีพับลิกันของเขา

                แต่ทรัมป์ใช้เรียกสิ่งที่เขากำลังทำว่าเป็น movement หรือ “ขบวนการ” ทางการเมือง

                ทรัมป์ต้องการพิสูจน์ว่าการที่มีคนลงคะแนนให้เขาครั้งนี้ถึง 74 ล้านเสียงนั้น แสดงว่าเขาคือแกนนำของความเคลื่อนไหวทางการเมือง

                ไม่ใช่พรรครีพับลิกัน

                ทรัมป์ทำให้พรรครีพับลิกันแตกเป็นหลายกลุ่ม

                เห็นชัดว่า ส.ส.พรรคนี้อย่างน้อย 10 คน กล้าแปรพักตร์มายกมือพร้อมกับ ส.ส.เดโมแครตในการผ่านมติไต่สวนเพื่อถอดถอน หรือ Impeachment เขา

                ถือเป็นการปริแตกของพรรคที่มีนัยสำคัญเป็นครั้งแรก

                คำถามก็คือว่า จะเกิดอาการเสียงแตกอย่างนี้ในวุฒิสภาเมื่อญัตตินี้ถูกส่งขึ้นไปให้มีการลงมติหรือไม่

                ตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญสหรัฐ การที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะถูกปลดได้ภายใต้การขับเคลื่อนผ่าน Impeachment นั้นจะต้องได้เสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา

                นั่นแปลว่าจะต้องมี ส.ว.รีพับลิกันไม่น้อยกว่า 17 คน ที่จะยกมือให้ผ่านจึงจะปลดทรัมป์ได้

                ถามว่าวันนี้มี “งูเห่า” รีพับลิกันถึง 17 ตัวไหม

                คำตอบคือไม่แน่

                ถ้าในสภาล่างมี “งูเห่า” รีพับลิกัน 10 ตัวได้ หากเกิดกระแส “ทิ้งทรัมป์” แรงพอ สิ่งที่คาดไม่ถึงวันนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ก็ได้

                แต่ญัตตินี้จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาเมื่อไหร่ไม่มีใครคาดเดาได้

                เพราะเมื่อไม่มีการเรียกประชุมวุฒิสภาสมัยพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ทรัมป์ก็หลุดจากตำแหน่งอยู่แล้วในวันที่ 20 มกราคมนี้

                คำถามต่อไปคือว่า วุฒิสภาสามารถจะพิจารณาถอดถอนทรัมป์ “ย้อนหลัง” ได้หรือไม่ และจะมีประโยชน์อันใด

                คำตอบก็คือเดโมแครตรู้ดีว่าจะถอดถอนทรัมป์ก่อนวันที่ 20 มกราคมไม่ทันแน่

                แต่เป้าหมายหลักคือจะต้องทำให้ทรัมป์มีมลทินทางการเมืองหนักถึงขั้นที่ไม่อาจจะดำรงตำแหน่งทางการเมืองอะไรได้อีก

                วงการการเมืองสหรัฐเริ่มมองตั้งแต่วันนี้แล้วว่าอีก 4 ปีข้างหน้า ใครจะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี

                ทรัมป์ประกาศแล้วว่าเขาจะเสนอตัวลงอีกครั้งใน 4 ปีข้างหน้าแน่นอน

                ดังนั้นคนที่ไม่ชอบทรัมป์ ไม่ว่าจะอยู่พรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ต้องพยายามใช้จังหวะนี้ “กำจัด” ทรัมป์ให้ออกจากเวทีการเมืองเสียก่อน

                มีหรือที่ทรัมป์จะยอมยกธงขาวง่ายๆ

                ผมเชื่อว่าทรัมป์จะต้องเดินหน้าสร้าง “ขบวนการทางการเมือง” ของเขาเองขึ้นมาจากนี้ไป โดยมองไปว่าหากรีพับลิกันไม่เอาเขา เขาก็ทิ้งพรรคนี้เพื่อสร้างกลุ่มก้อนการเมืองของตนขึ้นมา

                ทรัมป์จึงยังจะคงเป็น “ตัวป่วน” ทางการเมืองสำหรับผู้รังเกียจเขา

                แต่เขาจะเป็น “วีรบุรุษ” สำหรับคนที่ชอบเขาและต้องการให้เขากลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่ง

                ที่แน่ๆ ก็คือทรัมป์ต้องเจอคดีต่างๆ ที่รอเขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในระดับรัฐหรือระดับชาติ

                ไม่ว่าจะเป็นข้อหาหนีภาษี, ผลประโยชน์ทับซ้อน, ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม, ลวนลามผู้หญิง, เหยียดผิวหรือแม้แต่เป็นหัวโจกของการก่อการจลาจล

                ที่แน่ๆ คือทรัมป์ไม่จากไปอย่างเงียบๆ...หรือกลับไปเลี้ยงหลานเป็นอันขาด!.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"