ผมนั่งเกาะติดสุนทรพจน์หลังสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเมื่อค่ำวันพุธเวลาบ้านเรา เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรคือ “สาร” สำคัญที่สุดของเขาต่อประชาชนคนอเมริกัน
และต่อชาวโลก
จับความได้ชัดเจนว่า ไบเดนต้องการจะให้คนอเมริกันรู้ว่าเขาจะเป็น “ประธานาธิบดีของคนอเมริกันทั้งหมด”...
เพราะไม่ต้องการให้คนกว่า 74 ล้านคน ที่ลงคะแนนให้โดนัลด์ ทรัมป์ คิดว่าพวกเขาจะถูกกลั่นแกล้งหรือเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ
อีกทั้งต้องการให้คนอเมริกันไม่เอาความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันทางการเมืองมาเป็นอุปสรรคในการจัดการกับโควิด-19
สามอุปสรรคสำคัญที่เผชิญหน้าคนอเมริกันและที่จะต้องเอาชนะให้ได้คือ
1.ความเชื่อสุดขั้วทางการเมือง
2.การเหยียดผิวที่เห็นคนผิวขาวคือชนชั้นพิเศษเหนือคนอื่น
3.การก่อการร้ายในประเทศ
อีกทั้งตอกย้ำว่า “ประชาธิปไตย” นั้นมีค่ามหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็ “เปราะบาง”
หากไม่ช่วยกันปกป้องและประคับประคองให้ดี ประชาธิปไตยก็จะเป็นเพียงสิ่งสมมติที่อาจจะล่มสลายได้ง่ายๆ
สุนทรพจน์นี้ยาวประมาณ 20 นาที ถือว่ากระชิบและเข้าประเด็นที่จะทำให้คนอเมริกันได้เห็นถึงการเมืองสหรัฐที่จะกลับไปสู่ “ภาวะปกติ” หลังจากที่ 4 ปีภายใต้ทรัมป์ได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความเป็น “หนึ่งเดียว” ของคนอเมริกันถูกทำลายไปอย่างยิ่ง
ไบเดน ในวัย 78 ปี ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ ย้ำว่า”นี่คือวันของอเมริกา นี่คือวันแห่งประชาธิปไตย วันนี้คือวันแห่งประวัติศาสตร์และวันแห่งความหวัง การเริ่มต้นใหม่ และความมุ่งมั่น”
พิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง หรือ Inauguration ของผู้นำสหรัฐ เป็นประเพณีสืบเนื่องกันมากว่า 200 ปี
เริ่มตั้งแต่ยุคของจอร์จ วอชิงตัน ที่เข้าพิธีปฏิญาณตนเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐ เมื่อปี 1789
เพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และเหตุจลาจลที่เกิดจากการบุกอาคารรัฐสภาของผู้ประท้วงที่สนับสนุนทรัมป์ เมื่อ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้พิธีเมื่อวานนี้มีความ “ผิดปกติ” หลายด้าน
มาตรการรักษาความปลอดภัยถูกยกขึ้นเป็นขั้นสูงสุดทั่วกรุงวอชิงตัน
เห็นได้ชัดว่ารอบๆ อาคารรัฐสภาสหรัฐมีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยสูงสุดด้วยรั้วกั้นสูง 4 เมตร เพิ่มเป็น 2 ชั้น
หลายจุดใกล้อาคารรัฐสภามีรั้วลวดหนามเสริมเพิ่มเติม
มีการสั่งเพิ่มจุดตรวจทั่วเมืองหลวง
ทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพันนาย
อีกทั้งที่เห็นภาพเสมือนเป็นสงครามก็เพราะภาพของกองกำลังสำรอง National Guards กว่า 25,000 นาย
ไม่แต่เท่านั้น ยังสั่งปิดถนนและสะพานที่มุ่งหน้ามายังกรุงวอชิงตันและอาคารรัฐสภาสหรัฐเกือบทั้งหมด
และยังปิดสถานีรถไฟฟ้าที่เข้ามายังกรุงวอชิงตันหลายสถานี
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงเพิ่มจุดตรวจด้านหน้าสถานีรถไฟฟ้าบางพื้นที่ด้วย
นั่นคือการ Lockdown วอชิงตันอย่างชัดเจน
เพราะกลัวกันว่าอาจมีการประท้วงรุนแรงเกิดขึ้นในวอชิงตันคล้ายกับเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
ที่ผิดปกติมากที่สุดเห็นจะเป็นการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีนี้
จากที่เคยเห็นผู้คนกว่า 200,000 ถึง 1 ล้านคน ในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีในอดีต เมื่อวานนี้มีเพียงประมาณ 2,000 คนเศษ
ที่ลาน National Mall มีการจัดแสดงริ้วธงกว่า 200,000 ชิ้น เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของชาวอเมริกันทั่วประเทศที่มาร่วมงานไม่ได้เพราะการแพร่ระบาดของโควิด
ส่วนขบวนพาเหรด Parade Across America ก็จัดแบบออนไลน์
ไบเดนเขียนขึ้นทวิตเตอร์ว่า “นี่เป็นวันใหม่สำหรับอเมริกา”
มันเป็นจุดสูงสุดของชีวิตการเมืองของไบเดนที่เคยเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐมาแล้ว 8 ปี
เคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาถึง 3 ครั้ง กว่าจะคว้าชัยชนะมาได้
แต่ก็เป็นชัยชนะที่ต้องเจอกับความท้าทายใหญ่หลวงนัก
เพราะมีความท้าทายที่รออยู่มากมาย
ทดสอบความสามารถของไบเดนที่ต้องพิสูจน์ผลงานอย่างเร่งด่วนและรุนแรง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤติสาธารณสุข จากภาวะการระบาดของโควิด-19 หรือปัญหาเศรษฐกิจ
และความแตกแยกในสังคมอเมริกัน
มันคือการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิต และมันคือจุดเริ่มต้นของการที่ต้องเสี่ยงกับความล้มเหลวอย่างชนิดที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |