จิลล์ ไบเดน จะเป็น สุภาพสตรีหมายเลข 1 แบบไหน?


เพิ่มเพื่อน    

 

          สุภาพสตรีหมายเลข 1 คนใหม่ของสหรัฐ จิลล์ ไบเดน จะมีบทบาทอย่างไรในรัฐบาลใหม่ เป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจจากคนอเมริกันไม่น้อย

                จิลล์ เดิมนามสกุล “เจคอบส์” ปีนี้อายุ 69 เป็น “ครู” มาตลอดชีวิต

                เธอเรียนจบด้านการศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท 2 ใบ และยังคว้าปริญญาเอกด้านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ในปี 2007   

                เธอจึงเป็น First Lady คนแรกของอเมริกาที่มีปริญญาดุษฎีบัณฑิต

                เป็น “ดอกเตอร์สุภาพสตรีหมายเลข 1” อย่างเต็มภาคภูมิ

                คุณจิลล์ไม่ใช่ครูธรรมดา แต่เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับผู้ด้อยโอกาส

                ก่อนย้ายตามสามีไปอยู่ในวอชิงตัน เธอสอนหนังสือที่วิทยาลัยชุมชน โรงเรียนรัฐบาล

                และสอนคนไข้ที่โรงพยาบาลจิตเวชสำหรับผู้เยาว์

                ตอนที่โจ ไบเดน เป็นรองประธานาธิบดีภายใต้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เธอก็ยังทำงานเป็นอาจารย์ในภาควิชาภาษาอังกฤษที่วิทยาลัยชุมชนนอร์ทเทิร์น รัฐเวอร์จิเนีย

                จิลล์มีชีวิตจิตใจเป็นครู การสอนไม่ใช่เป็นแค่อาชีพ แต่เป็นจิตวิญญาณของเธอทีเดียว

                เธอเคยเขียนขึ้นทวิตเตอร์ว่า "การสอนหนังสือไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันทำเป็นอาชีพเท่านั้น แต่คือสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตนของดิฉันทั้งหมดเลย"

                เมื่อสามีเป็นเบอร์ 1 ของประเทศแล้ว จิลล์จะปรับตัวอย่างไร?

                เธอบอกว่าตั้งใจจะสอนหนังสือที่เธอรักต่อไป

                หากเป็นเช่นนั้นจริง จิลล์ก็จะเป็นภริยาผู้นำสหรัฐคนแรกที่ยังคงประกอบอาชีพต่อไป แม้จะย้ายเข้าทำเนียบขาวแล้วก็ตาม

                จิลล์เกิดเมื่อเดือนมิถุนายน 1951 ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นลูกคนโต และมีน้องอีก 4 คน

                เธอเติบโตขึ้นมาในย่านชานเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย

                ก่อนจะแต่งงานกับโจ ไบเดน ซึ่งก็เป็นพ่อหม้ายลูกติด เธอเคยแต่งงานมาก่อนแล้วกับบิล สตีเวนสัน อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลของวิทยาลัย

                โจ ไบเดน เสียภรรยาคนแรก และลูกสาววัย 1 ขวบ ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 1972

                ลูกชาย 2 คน คือ โบ และฮันเตอร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสในอุบัติเหตุคราวนั้น

                3 ปีหลังจากนั้น จิลล์ได้รู้จักโจ ไบเดน โดยการแนะนำจากพี่ชาย

                วันนั้น โจ ไบเดน เป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ส่วนเธอกำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัย

                โจ ไบเดน ขอเธอแต่งงานถึง 5 ครั้ง กว่าเธอจะใจอ่อน ยอมตอบตกลง

                "ดิฉันไม่อยากให้พวกเขา (ลูกๆ ของโจ ไบเดน) ต้องสูญเสียแม่ไปอีกคน ฉันจึงต้องมีความแน่ใจเต็มร้อย" จิลล์บอก

                ทั้งคู่แต่งงานกันในนครนิวยอร์กเมื่อปี 1977 มีลูกสาวชื่อแอชลีย์

                วงในบอกว่าเธอมีบทบาทสำคัญในการเชียร์ให้โจ ไบเดน ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

                นิตยสารในรัฐถึงกับขึ้นปกว่า “จิลล์ ไบเดน อาจจะเป็นกุญแจทางการเมืองที่สำคัญที่สุดสำหรับโจ ไบเดน”

                เธอช่วยหาเสียงให้กับโจด้วยการย้ำถึงคุณสมบัติของสามีที่จะสามารถเอาชนะโดนัลด์  ทรัมป์ ได้

                ในบางรัฐ จิลล์ปรากฏตัวเพื่อหาเสียงให้กับสามีมากกว่าโจเองเสียอีก

                เธอเขียนหนังสือเด็กเกี่ยวกับชีวิตของโจ ไบเดน ชื่อ Joey : The Story of Joe Biden

                เป็นหนังสือที่สะท้อนถึงความกล้าหาญและความพร้อมที่จะผจญภัยเหมือนเด็ก

                แม้ว่าตอนเป็นเด็ก โจเป็นเด็กพูดติดอ่าง และถูกเพื่อนล้อเลียน แต่เขาก็ไม่ยอมย่นระย่อ

                จิลล์บอกกับประชาชนคนอเมริกันว่า วิธีที่จะแก้ปัญหาความแตกแยกของประเทศก็เหมือนกับการแก้ปัญหาครอบครัวแตกร้าว

                “นั่นคือการใช้ความรัก, ความเข้าใจ และการแสดงความเมตตาเล็กๆ น้อยๆ...ด้วยความกล้าหาญและศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย...”

                จึงชัดเจนว่าจิลล์จะมีบทบาทของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่คึกคักมากกว่า Melania Trump ภรรยาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นนโยบายสำคัญๆ แน่นอน.

  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"