'ขุนคลัง'จ่อถกหาทางออกปมเรียกคืนเบี้ยคนแก่


เพิ่มเพื่อน    

 

27 ม.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ รวมดอกเบี้ย จำนวน 84,000 บาท คืนจากนางบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากนางบวนได้รับบำนาญพิเศษ ภายหลังจากลูกชายที่เป็นทหารเสียชีวิตหลังจากเหตุคลังแสงระเบิด ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่มีการกำหนดมาก่อนหน้าแล้วว่า หากผู้สูงอายุได้รับบำนาญพิเศษจากรัฐ ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์รับเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน 

ทั้งนี้ หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานท้องถิ่น เป็นต้น ต้องหารือกันว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาส่วนนี้อย่างไร เพราะในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่า ควรแยกสิทธิส่วนบุคคลที่ผู้สูงอายุควรได้รับอยู่แล้ว นั่นคือ เบี้ยผู้สูงอายุ ออกจากสิทธิพิเศษที่ได้รับตามกรณี เพราะทั้ง 2 สิทธิไม่เกี่ยวกัน 

“จริง ๆ มองว่าสิทธิที่ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเป็นไปตามหลักเกณฑ์สำหรับผู้ที่ไม่มีหลักประกันหลังเกษียณ ตรงนี้ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ควรจะได้รับ และควรจะต้องแยกกับสิทธิพิเศษ อาทิ บำนาญต่าง ๆ ที่ได้รับจากรัฐ เช่น กรณีนี้ที่ได้รับจากการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกชาย ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมดคงต้องมาคุยกัน เพื่อแยกสิทธิต่าง ๆ อย่างชัดเจน แม้ว่าในอดีตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องมาคุยเพื่อหาข้อสรุป” นายอาคม กล่าว 

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นางนิโลบล  แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรณีนางบวน โล่สุวรรณ ชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ยนั้น เนื่องจากหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ซึ่งแต่เดิม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่นางบวน โล่สุวรรณ ตลอดมา ต่อมาในปี 2563 ได้มีการดำเนินการโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-social welfare) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจ่ายตรงเบี้ยชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ระหว่างกรมบัญชีกลางและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)  

ดังนั้น เมื่อ อบต. มีหนังสือสอบถามกรมบัญชีกลางให้ตรวจสอบกับฐานข้อมูลผู้รับบำนาญ ว่าผู้สูงอายุรายดังกล่าวเป็นผู้รับบำนาญหรือไม่ กรมบัญชีกลาง ได้ตรวจสอบพบว่า เป็นผู้รับบำนาญพิเศษ พร้อมทั้งได้มีหนังสือตอบ อบต. แล้ว    

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ได้รับเงินเบี้ยสูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิ อบต. จะเรียกคืนเงินตามขั้นตอนและวิธีการที่ อบต. กำหนด  ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรมบัญชีกลางที่จะดำเนินการได้  

“กรมบัญชีกลางมีความห่วงใย และเข้าใจสถานการณ์ ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายคลังจังหวัดบุรีรัมย์ ประสาน อบต. เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุรายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว” นางนิโลบล กล่าว 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"