ธปท. ปลื้มไตรมาส 1 แบงก์กวาดกำไร 5 หมื่นล.


เพิ่มเพื่อน    

ธปท. ปลื้มผลงานระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/2561 ฟันกำไร 5 หมื่นล้านบาท ชี้จับตาไตรมาส 2 รายได้จากค่าธรรมเนียมวูบ หลังแบงก์แข่งดุลดค่าธรรมเนียมการโอน ยันยังไม่เลิกระเบียบคุมแบงก์ยุ่งเกี่ยวธุรกิจคริปโตเตอเรนซี ระบุยังมีความเสี่ยงอยู่

น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาส 1/2561 ขยายตัวต่อเนื่องจากสิ้นปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 4.7% สอดคล้องกับการเติบโตของทิศทางเศรษฐกิจ โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 3.6% จากสินเชื่อเอสเอ็มอีที่กระจายตัวมากขึ้นในหลายธุรกิจ โดยสินเชื่อเอสเอ็มอี ขยายตัวที่ระดับ 7.4% จากธุรกิจพลังงานและอาหาร ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) หดตัวที่ 2.6% เนื่องจากบางส่วนมีการชำระคืนสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์  รวมถึงการพึ่งพาทางเลือกในการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และหุ้นมากขึ้น

สำหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภค ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.1% จากทุกพอร์ตสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ที่เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 10.6% สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เติบโตต่อเนื่องหลังสิ้นสุดระยะเวลาการถือครองรถยนต์คันแรก 5 ปี ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขยายตัว 5.8% สินเชื่อบัตรเครดิต ขยายตัว 5.3% และสินเชื่อส่วนบุคคล ขยายตัว 6.9%

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อรวม อยู่ที่ 2.92% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ ลดลงมาอยู่ที่ 2.32% โดยธนาคารพาณิชย์ได้กันเงินสำรองเพื่อสร้างความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินสำรอง 622 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2561 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 5.01 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.08 หมื่นล้านบาท

“แนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ก็คาดว่าจะเห็นทิศทางการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส โดย ธปท.คาดว่าทั้งปี 2561 สินเชื่อจะขยายตัวได้ 5-6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 4% ซึ่งยอมรับว่าทิศทางการขยายตัวสินเชื่อหลังจากนี้ จะไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ขยายตัวได้ 1.5-2 เท่าของจีดีพี เพราะภาคธุรกิจมีการปรับตัว ระดมทุนผ่านช่องทางอื่น เช่น ตราสารหนี้ การขอสินเชื่อผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ก็ลดลงไปด้วย”น.ส.ดารณี กล่าว

สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียม ธปท.คาดว่าในไตรมาส 2/2561 จะมีผลกระทบ โดยจะลดลงอย่างชัดเจน จากนโยบายพร้อมเพย์ และการแข่งขันเว้นค่าธรรมเนียมการโอนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทั้งปีที่ผ่านมารายได้จากค่าธรรมเนียมธนาคารอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท เป็นค่าธรรมเนียมจากการโอน 12% หรือ คิดเป็น 2.4 หมื่นล้านบาท 

ส่วนกรณีการออกประกาศพระราชกําหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561  เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคความเสี่ยงจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลนั้น ธปท. มองว่า กฎระเบียบเดิมที่ไม่ให้สถาบันการเงินทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี เพื่อเป็นการดูแลความเสี่ยงของการเข้าไปลงทุน ซึ่งขณะนี้ความเสี่ยงต่างๆยังอยู่ดังนั้น จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์สำหรับธนาคารพาณิชย์ใดๆ 

โดยที่ผ่านมา ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล 5 ข้อ คือ ห้ามการเข้าไปลงทุนหรือซื้อขายในสกุลเงินดิจิทัล เพื่อผลประโยชน์ของสถาบันการเงินเองหรือผลประโยชน์ของลูกค้า ห้ามให้บริการรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลผ่านช่องทางให้บริการของสถาบันการเงิน ห้ามสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าเข้าไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลระหว่างกัน ห้ามให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อสกุลเงินดิจิตอล และ ห้ามสนับสนุนหรือให้คำปรึกษากับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนหรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การบังคับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ที่ผ่านมาธนาคารมีการเตรียมการพอสมควร และได้สำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่เพิ่มไป 4-5 หมื่นล้านบาทไปตั้งแต่ปี 2558 ส่วนการจะบังคับใช้เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับ คณะกรรมกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เพราะไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถาบันการเงินอย่างเดียว แต่มีส่วนที่เกี่ยวข้องเช่น ส่วนราชการ ลูกค้า ผู้สอบบัญชี การตัดสินใจจะต้องพิจารณาในภาพรวม

สำหรับผลกระทบยังประเมินได้ยาก เพราะ 1.มีการปรับวิธีการคำนวณการสำรองเปลี่ยนแปลงไป เผื่อในอนาคต ไม่ได้เกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน 2.กระทบกับต้นทุนธนาคาร ความเสี่ยงและการสำรองอื่นๆ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ได้มีการประเมินไว้แล้ว แต่ผลกระทบและวิธีการแต่ละแห่งประเมินได้ยาก ซึ่งยอมรับว่าการบังคับมาตรฐานบัญชีใหม่ จะมีผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีและต้นทุนดอกเบี้ยอยู่บ้าง แต่จะมากหรือน้อยคงประเมินไม่ได้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"