เอสซีจีรับบริโภคซบเซากระทบยอดวัสดุก่อสร้าง


เพิ่มเพื่อน    

10 ก.พ.2564 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี ​เปิดเผยว่า​​แนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปี 2564 นี้ มองว่าการส่งออกยังดีแต่ในด้านของการอุปโภคบริโภคในประเทศอาจจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากจากการแพร่ระบาดของโควิค-19ในระยะที่ 2 ดังนั้นการกระจายวัคซีน ให้ทั่วถึง จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ​  ขณะที่ภาคของการท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ซึ่งภาครัฐควรเร่งหาวัคซีนป้องกันให้ประชาชนได้รับอย่างทั่วถึง และมีความปลอดภัยโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น​ เพราะยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะเข้ามาได้เมื่อไหร่​จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศไปก่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี2564​ บริษัทจะมุ่งดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ตลอดกระบวนการทำงาน โดยพร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ด้วยการให้ความสำคัญกับการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Management - BCM) และการลงมือปฏิบัติให้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและสร้างการเติบโตระยะยาว   

โดยกลยุทธ์ 2 ด้านที่จะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจในปี2564  ประกอบด้วย​ 1.ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม , สังคม , การกำกับดูแล) โดยนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และนำของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด และมุ่งต่อยอดนวัตกรรมสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อตอบโจทย์การใช้พลังงานทางเลือก และ 2. ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่นิว นอร์มอล โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาช่องทางออนไลน์ เพื่อเสนอสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร ตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป  

“ปีนี้ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างได้รับกระทบต่อเนื่องมากที่สุด เนื่องจากการก่อสร้างใหม่ๆทั้งที่อยู่อาศัยและโครงการคอมเมอร์เชียลของภาคเอกชนจะน้อยลงในช่วงครึ่งแรกของปีดังนั้นคงต้องเน้นการก่อสร้างจากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง​คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหารและเครื่องดื่มสินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัย ดังนั้นบริษัทต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และมีนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด​ส่วนด้านเคมิคอล คงต้องจับตามอง อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ดังนั้นบริษัทต้องเข้าไปถึงซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อผลิตสินค้ามารองรับกับอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นต้น”นายรุ่งโรจน์​ กล่าว 


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"