หนึ่งในปัจจัยวิกฤติเศรษฐกิจของไทยวันนี้โยงไปถึงการขาดแคลนคอนเทนเนอร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ส่งออกของไทยอย่างรุนแรง
ชาร์ตนี้แสดงให้เห็นถึงอัตราค่าระวางที่พุ่งขึ้นตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิดที่กลายเป็นปัญหาหนักหน่วงทั่วโลก
เป็นปัญหาที่รัฐบาลไทยต้องไม่มองว่าเป็นประเด็นของเอกชนเท่านั้น เพราะการต่อรองเพื่อให้ได้บริการคอนเทนเนอร์สำหรับผู้ส่งออกไทยวันนี้ต้องเป็นในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล
สำหรับในภูมิภาคนี้โยงไปถึงจีนและเวียดนามที่ใช้คอนเทนเนอร์เป็นจำนวนมาก
เกิดการ “แย่งชิง” ตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องการขึ้นราคาอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นการเมืองที่เอกชนต้องพึ่งพาการต่อรองและประสานระดับรัฐบาลอีกด้วย
เกือบจะเหมือนการแย่งซื้อวัคซีนของประเทศต่างๆ เพื่อมาฉีดให้กับประชาชนของตนเอง
จนรัฐบาลทั้งหลายต้องเข้ามามีบทบาทในการเจรจาต่อรองระหว่างประเทศนอกเหนือไปจากการต้อง “แย่งชิง” วัคซีนที่ยื้อแย่งกันด้วยการประมูลแข่งขันกันอย่างน่ากลัว
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์มีผลส่งให้ค่าระวางสินค้าเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าตัว จากปี 2562
อีกทั้งหลายประเทศเพิ่มส่งออก เช่น จีน ทำให้จำนวนตู้สินค้าคงค้างที่ท่าเรือ เช่น ยุโรป อเมริกา
คาดว่ากว่าตู้สินค้าจะกลับเพิ่มขึ้นจะใช้มากกว่า 1 เดือน
ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกไทยปี 2564 สูญเสีย 5,159 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 154,767 ล้านบาท และกระทบต่อส่งออกรวม 2.2%
เรื่องคอนเทนเนอร์เป็นหนึ่งในประเด็นที่ควรจะต้อง “จับตา” นอกเหนือไปจากที่ทางสภาพัฒน์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้
คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์นอกจากนำเสนอตัวเลขเศรษฐกิจของไทยปีที่ผ่านมา และพยากรณ์แนวโน้มปีนี้แล้วก็ยังบอกว่ามีเรื่องราวที่คนไทยต้องจับตาอีกหลายเรื่อง เช่น
1.การควบคุมการแพร่ระบาดและการป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงภายในประเทศ โดยการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
และการจัดหาและบริหารจัดการวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วถึงและเพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างรวดเร็วและจัดลำดับความสำคัญ
โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
และการรักษาความต่อเนื่องของการผลิตในพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ควบคู่ไปกับการจัดลำดับความสำคัญตามหลักการทางสาธารณสุข
2.การรักษาบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศ
เพราะการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2564 จะต้องอาศัยเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก
นอกจากการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศแล้ว จะต้องสนับสนุนให้มีเงินลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น ดังนั้นการรักษาบรรยากาศทางการเมืองจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ
3.การดูแลภาคเศรษฐกิจที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งการฟื้นตัวยังมีข้อจำกัดจากมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ รวมทั้งการพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มเติม
4.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
5.การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเพื่อสร้างรายได้เงินตราต่างประเทศ โดยการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการระบาดของโรค, การสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของสินค้าไทยควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่ฐานการผลิตสำคัญอย่างเข้มงวด, การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าภายใต้กรอบความร่วมมือที่สำคัญ
การให้ความสำคัญกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญๆ ที่อาจถูกหยิบยกเป็นเครื่องมือสำหรับการดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้า, การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้า, การลดต้นทุนการผลิตสินค้าที่สำคัญๆ เพื่อลดแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท และการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน
6.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2561-2563 ให้เกิดการลงทุนจริง, การแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบธุรกิจ, การดำเนินมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกและอำนวยความสะดวกสำหรับนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย, การขับเคลื่อนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการขับเคลื่อนมาตรการสร้างศักยภาพ, การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
7.การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
8.การเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้งและการดูแลรายได้เกษตรกร
9.การติดตามและเตรียมการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนในระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์สูง และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
นั่นแปลว่า “ตัวแปร” ที่ยังไม่นิ่งและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลายังเป็นอุปสรรคสำหรับการฝ่าวิกฤติได้ตลอดเวลา
การบริหารวิกฤติของรัฐและเอกชนจึงต้อง “คาดการณ์ในสิ่งที่คาดไม่ถึง” (Expect the Unexpected)
ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ยังไม่มีสถาบันศึกษาใดสอนไว้...ทุกคนล้วนต้องเรียนรู้และปรับตัวจากประสบการณ์ของจริงที่ไม่มี “บทเรียนอดีต” ให้อ้างอิงทั้งสิ้น!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |