
ศุภฤกษ์ ลายเลิศ
ชีวิตก็แล้วแต่โอกาสพาไป
บริษัทยิบอินซอย (Yip In Tsoi) เป็นบริษัทที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 90 ซึ่งชื่อบริษัทมาจากผู้ก่อตั้งคือผู้ก่อตั้ง ตระกูล ยิบอินซอย จูตระกูล ลายเลิศ ชาวจีนที่อพยพมายังประเทศไทย ในอดีตบริษัททำกิจการด้านเหมืองแร่ แต่ภายหลังก็ขยายธุรกิจออกมาหลายสาขา "ยิบอินซอยกรุ๊ป"ถือว่า เป็นกลุ่มธุรกิจของคนไทยที่เติบโตมาจากแนวคิดทางธุรกิจ ที่เน้นการสร้างประโยชน์และการแทนคุณแผ่นดิน ตั้งแต่สมัยคุณปู่ ดังนั้นทุกธุรกิจที่เราเลือกทำจึงเติบโตไปพร้อมๆกับสังคม นับตั้งแต่ธุรกิจแรกคือ การค้าแร่ ซึ่งคุณปู่เป็นผู้บุกเบิก เป็นต้นแบบวิชาวิเคราะห์แร่ในประเทศ หรือธุรกิจเกษตร ยิบอินซอยก็เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจปุ๋ย-เคมีเกษตรรายแรกให้เกษตรกรไทย
ปัจจุบันมีธุรกิจหลัก 3 ด้านคือ ธุรกิจด้านโซลูชั่นไอที ปุ๋ยเเละเคมีเกษตร สีและเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ในในแวดวงของไอทีแล้วถือว่าเป็นบริษัทด้าน SI (Systems Integrator) รายใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 40 ปี และยังเป็นบริษัทที่พัฒนาไอทีโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง และยังมีธุรกิจด้านไอทีผ่านบริษัทลูกหลายบริษัทในเครือ เช่น TCCL, Tangerine

ทั้งนี้ก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิดธุรกิจของยิบอินซอยกรุ๊ป ทางกลุ่ม ยิบอินซอย ได้พัฒนาระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมต่อการรองรับการทำงานจากระยะไกล (Remote Workforce) เพราะคลาวด์ถูกสร้างมาให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบเวอร์ช่วลไลเซชัน และยังรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตหลากหลายชนิด จึงมีความยืดหยุ่น และคล่องตัวสูง ทำให้องค์กรสามารถ “เติม-ปรับ-ปัน” ทรัพยากรไอทีในระบบ ให้สอดคล้องกับมาตรการรักษาระยะห่างที่อาจเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานและการดำเนินธุรกิจ สำหรับกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นธุรกิจน้องใหม่ ในช่วงแรกจะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เราให้บริการในรูปแบบ turnkey project รวมทั้งการบริหารงานให้แล้วเสร็จตามแผนที่ลูกค้าต้องการ ธุรกิจนี้พร้อมเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ เพราะประเทศไทยยังคงมีความต้องการการใช้ไฟมากขึ้นทุกปี และเชื่อว่าจะเป็นธุรกิจดาวรุ่งของยิบอินซอยกรุ๊ปในอนาคต

แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดแล้ว คุณแผน ศุภฤกษ์ ลายเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีสซั่นส์ เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจในกลุ่ม ธุรกิจสีและเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ในเครือ "ยิบอินซอยกรุ๊ป" ได้เล่าให้ฟังว่า" ผมเจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่เข้ามาบริหารงาน และดูแลในส่วนของกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานั้น ยังเป็นธุรกิจสีทาอาคาร แต่ก็ได้รับเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นกลุ่มสีและเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมในปี 2554 แล้วที่ทุกโรงงานต้องซ่อม ทำให้การเติบโตของกลุ่มนี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเคมีเคลือบพื้นและระบบสีกันซึม แบรนด์เราติดตลาด

"ผมดูแลในส่วนของเคมีภัณฑ์ และในอนาคตมก็ตั้งเป้าที่จะเข้าสู่ธุรกิจธุรกิจเทรดดิ้งมากขึ้น เราไม่จำเป้นต้องผลิตเอง เนื่องจากภาวะที่ทั้งค่าแรง และกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้เรามีโรงงานเอง เราจะมีหน้าที่หาสินค้าจากทั่วโลกมาขายภายใต้แบรนด์ซีสซั่นส์ แต่อยู่ในกลุ่มงานเดิมคือ เคมีภัณฑ์ ก่อสร้างด้านพื้นกับกันซึม "
คุณแผนเล่าให้ฟังอีกว่าในฐานะที่เป็นธุรกิจครอบครัว "ยิบอินซอย" ได้มีการวางโครงสร้างกันมาตั้งแต่ยุค โดยทาง มิสเตอร์ ยิบอินซอย ได้เชิญผู้บริหารชาวเยอรมันเข้ามาวางระบบ ซึ่งในยุคนี้ จะเรียกว่า ธรรมนูญครอบ เช่น การบริหารงาน จะมีเกณฑ์ที่ชัดเจน แต่ละครอบครัวจะให้เกียรติกัน ไม่มีระบบโหวต เพราะการโหวตเป็นระบบที่สร้างความหายนะให้กับธุรกิจกิจ เนื่องจากจะมีการแบ่งฝ่ายกัน ดังนั้นในการบริหารงานของครอบครัวนั้นสิ่งสำคัญคือควาการให้โอกาสแต่ละครอบครัวที่จะเข้ามาทำธุรกิจ อย่างของผมนั้น ธุรกิจสีที่ไม่มีผู้บริหารไปดูแล ทางครอบครัวก็ให้โอกาสผมมาทำ และผมก็ทำได้
และยังเล่าต่ออีกว่าในด้านการบริหารงานนั้น โดยส่วนตัวไม่มีลูกความกดดันก็จะน้อยลง ความรับผิดชอบก็จะไปอยู่ที่พนักงานมากขึ้น และก็มีเวลา ซึ่งผมเป็นคนที่ให้โอกาสคนได้เติบโต มีอนาคตที่ดี ส่วนการดูแลพนักงานนั้น คุณแผนบอกว่า ผมดูแลเหมือนเถ้าแก่ ที่ทำให้ลูกน้องไว้ใจการทำงานถ้าเราไม่ลงไปสัมผัสให้รู้ว่าอะไรคืออะไรบริษัทก็จะไม่เติบโต การเปิดบริษัทใหม่นั้นคนคิดว่าทำโน่นเป็นนี่เป็น แต่ผมกลับคิดว่าเราบริหารคนและหาคนที่ทำสิ่งที่เราต้องการที่เก่งมาทำให้เราดีกว่า
และเมื่อถามว่าในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดนั้นเหนื่อยไหม แล้วต้องปรับตัวอย่างไร คุณแผนเล่าว่า ช่วงนั้นต้องประคองให้รอดก่อน หลังโควิดโอกาสมีตรงไหนค่อยต่อ สมัยก่อนอาจจะวาดฝัน แต่มีโควิดก็ต้องพักไว้ก่อน ยอมรับช่วงนี้ก็อาจจะปลง ๆ แต่ก็ไม่มากซึ่งรู้ว่าจริงอยู่ๆได้ แต่เราก็อยากให้รอด ถามว่าเหนื่อยไหม ผมขอบริหารเรื่องตัวเองใจดีกว่าว่าเราจะรอดไหม เพราะบางทีก็ต้องให้กำลังใจกับทีมงาน หรือเซลล์ ซึ่งเซลล์ของผมเองก็มีอายุ 50 เด็กสุดก็ 29 ปี เราก็ต้องคุยกันเราทำงานเปิดเผยข้อมูล ให้กับลูกน้องรับรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของกำไรของบริษัท โดยที่พนักงานสามารถรู้ว่าจะโบนัสเท่าไรในแต่ละปีล่วงหน้า
อย่างไรก็ตามคุณแผนได้ย้ำว่า"การทำงานของผมนั้น ไม่มีท้อจะคิดแต่ว่าถ้าดันให้สุดแล้วไม่ได้ก็ทำใจได้ แต่ถ้าจะท้อคือเราไม่ทำอะไร เลยดีกว่า เราอยู่เฉยๆแล้วปล่อยปัญหามันลุกลามไป ชีวิตก็แล้วแต่โอกาสพาไป เมื่อมีโอกาสเราก็คว้าไว้ "
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |