ศบค. เตรียมถกมาตรการผ่อนคลาย ปรับสีพื้นที่ ระยะกักตัว ใช้ พรก.ฉุกเฉินถึง 31 พ.ค.นี้


เพิ่มเพื่อน    

8 มี.ค.64 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการหารือกันในเรื่องของการกำหนดมาตรการผ่อนคลายในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะภาคสังคมและเศรษฐกิจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.ได้เน้นย้ำให้ ศบค.ชุดเล็กตระเตรียมเพื่อจะเสนอมาตรการผ่อนคลายให้มากขึ้นในวันที่ 15 มี.ค.

โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการกำหนดมาตรการเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก วันที่ 1 เม.ย. เราจะนับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งประเทศ และ ศบค.จะเสนอแผนมาตรการผ่อนคลายให้สอดคล้องกับการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นแล้ว และจะมีการพิจารณาปรับพื้นที่ ปรับสี และจะมีการหารือถึงชาวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามา ว่าจะมีการผ่อนคลายในเรื่องกระบวนการเข้าสู่ราชอาณาจักร การกำหนดมาตรการกักตัว ขณะที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจจะมีการเสนอให้มีถึงวันที่ 31 พ.ค. แต่ยังคง พ.ร.บ.โรคติดต่อไว้ที่อาจจะนำเสนอให้ใช้ในระยะที่สอง คือ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีการประชุมเรื่องการนำเสนอความก้าวหน้าในการให้บริการการฉีดวัคซีนที่มีการกระจายไปในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่ได้รับก่อน และจากนี้จะมีวัคซีนแอสตราเซเนกาที่จะต้องมีการวางแผนกระจายควบคู่กันไปด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยถึงการกักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในสถานการณ์ที่เขารับวัคซีนมาจากประเทศเขามาแล้ว การจะเดินทางเข้ามาไทยต้องมีกระบวนการอย่างไร ต้องกักตัวกี่วัน ถ้าได้รับวัคซีนแล้วการดูแลอาจต้องแตกต่างกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่สอดคล้องกับคนไทยในประเทศได้รับวัคซีนมากขึ้น มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น จะทำให้การกักตัวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในระยะต่อไปอาจมีการผ่อนปรนมากขึ้น และระยะที่สาม จะอยู่ประมาณวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้จะนำเสนอ ศบค.ในวันที่ 15 มี.ค.

พญ.อภิสมัย กล่าว ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) มีการหารือกันถึงวัคซีนพาสปอร์ต ซึ่งในอนาคตเมื่อมีการเปิดประเทศและมีการเดินทางระหว่างประเทศจะต้องมีวัคซีนพาสปอร์ต เป็นการแสดงตัวตนเพื่อให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ตามมาตรการที่แต่ละประเทศกำหนด ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่าต้องรอวัคซีนพาสปอร์ตที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกที่จะออกโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้เราสามารถที่จะกำหนดประกาศนียบัตรที่เป็นการประกาศว่าท่านได้รับวัคซีนถูกต้องตามมาตรฐาน WHO เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง กต.ได้คิดกระบวนการนี้และเริ่มที่จะเสนอเพื่อให้สามารถทำได้ทันที จนเมื่อมีวัคซีนพาสปอร์ตมาตรฐานโลกแล้วเราก็ปรับเปลี่ยนประกาศนียบัตรนี้ให้ตรงตามมาตรฐานโลก โดย กต.เริ่มกระบวนการนี้แล้ว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนที่สำคัญที่นายกฯได้เน้นย้ำคือ เรื่องการกระจายวัคซีน และแผนต่างๆในการกระจายวัคซีนต้องสอดคล้องกับแผนผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้นด้วยการทำอย่างมีประสิทธิภาพและความร่วมมือจากประชาชนด้วย อีกสิ่งที่นายกฯเน้นย้ำคือ เมืองเศรษฐกิจ เมืองท่องเที่ยว ศบค.เองได้ให้ความสำคัญมากว่า ในส่วนของจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวจะได้รับการกระจายวัคซีนให้เป็นสถานที่แรกๆ ด้วย

นอกจากนี้ สิ่งที่ ศบค.ชุดเล็ก ได้พูดคุยกันคือ นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ด่านหน้าแล้ว การกระจายวัคซีนจะต้องไปถึง ตม. ศุลกากร ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ภาครัฐ พลเรือนที่ถือว่าเป็นบุคคลเสี่ยงที่ทำงานอยู่ในสถานกักกันและทำงานในพื้นที่เสี่ยงหรือทำกิจกรรมเสี่ยง เช่น เข้าไปดูแลผู้ป่วย ทำการคัดกรองที่สนามบิน ผู้มีความเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว การกระจายวัคซีนก็จะไปถึงบุคคลเหล่านั้นเป็นกลุ่มแรกๆ ศบค.ให้ความสำคัญและจะติดตามในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด 

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า วัคซีนเป็นอาวุธที่ช่วยลดอัตราป่วย ลดอัตราตาย แต่ยังไม่สามารถมีหลักฐานยืนยันได้ว่าจะลดการแพร่กระจายเชื้อ ดังนั้น เราจำเป็นยังต้องรักษาสุขอนามัยส่วนตัวตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง อยากเห็นทุกคนสุขภาพดี เราจะได้ผ่านไปด้วยกัน 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"