สหรัฐฯ เล่นหมากรุก จีนก็โต้ด้วยหมากล้อม


เพิ่มเพื่อน    

  

       เมื่อสหรัฐฯ ปลุกกระแสต้านจีนด้วยการเรียกประชุมสุดยอด Quad ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้ ปักกิ่งจะตอบโต้อย่างไร

                ในวงสนทนาของผมกับ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม กับ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร เมื่อท่านหนึ่งเล่าจากมุมของอเมริกา อีกท่านก็ต้องโต้ด้วยมุมมองจากจีน

                ดร.อาร์มมีหรือจะยอมฟังอยู่เฉยๆ

                “อาจารย์ปิติบอกว่าทุกคนพยายามจะปิดล้อมจีน จีนก็ต้องใช้ยุทธศาสตร์แหวกวงล้อม...”

                ถ้าดูแผนพัฒนา 5 ปีล่าสุดของจีนก็จะเห็นแนวทางการ “แหวกวงล้อม” ของสหรัฐฯ และพวก

                แม้แต่เรื่องพลังงานสะอาดในแผนนี้ก็ถูกเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนความมั่นคง”

                เพราะไม่ได้หมายความถึงเฉพาะความมั่นคงทางทหาร แต่เป็นความมั่นคงทางเทคโนโลยีและพลังงาน ต้องไม่ลืม “ความมั่นคงทางอาหาร” อีกด้านหนึ่ง

                และยังมี “ความมั่นคงด้านประชากร” อีกด้วย

                ดร.อาร์มเตือนว่า อย่านึกว่าประเทศต่างๆ ที่จับมือกับสหรัฐฯ นั้นจะต่อต้านจีนเหมือนกันหมด

                “หลายประเทศที่บอกว่าเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ นั้น มือข้างหนึ่งจับกับอเมริกา แต่มืออีกข้างหนึ่งก็ยังแตะกับจีนอยู่”

                จีนอาจจะตั้งคำถาม โจ ไบเดน ว่าสหรัฐฯ คิดไปเองหรือเปล่าว่าประเทศต่างๆ ที่เขาเอ่ยว่าเป็นพันธมิตรเขานั้นจะยืนอยู่ข้างเดียวกับสหรัฐฯ ในทุกๆ เรื่องจริงหรือ

                เพราะจีนจะบอกกับอเมริกาว่าประเทศต่างๆ ที่สหรัฐฯ อ้างว่าเป็นพันธมิตรมาปิดล้อมจีนนั้นล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์มหาศาลในจีนทั้งสิ้น

                จีนยังใช้ความเป็นตลาดของประชากร 1,400 ล้านคน เป็นอำนาจต่อรองกับนานาชาติ

                ยุทธศาสตร์ Dual Circulation ของสี จิ้นผิง อันหมายถึงการที่ตลาดภายในหมุน ตลาดข้างนอกก็หมุนไปพร้อมๆ กัน

                ดังนั้นการหมุนเวียนของตลาดภายในของจีนมีพลังดึงดูดนักลงทุนและการค้าขายจากต่างประเทศไม่น้อย

                “จีนอาจจะหันมาถามประเทศต่างๆ ว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะไม่คบจีน คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจของคุณได้โดยไม่คบกับจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลก” ดร.อาร์มแซว

                พูดง่ายๆ คือจีนมองว่าตนมีอำนาจต่อรองด้วยความใหญ่ของขนาดตลาด

                โจ ไบเดน เคยยอมรับว่าไม่รู้ว่าจะเอาอำนาจต่อรองอะไรไปถ่วงดุลจีนในโลกเหมือนกัน

                จีนบอกว่าจะเข้ามาร่วมผลักดัน RCEP อย่างเต็มที่ (อยู่ในรายงานเศรษฐกิจต่อสมัชชาประชาชนแห่งชาติเมื่อเร็วๆ นี้ ของนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง)

                และจีนก็เคยแสดงความสนใจจะเข้าร่วม CPTPP อีกด้วย

                นี่คือนโยบายจีนที่พึ่งตัวเองมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มี “นโยบายรุกโลก” ไปพร้อมๆ กัน

                “จีนต้องการลดการพึ่งสหรัฐฯ แต่ต้องการให้โลกเพิ่มการพึ่งจีนมากขึ้นด้วย” ดร.อาร์มบอก

                ถ้ากางแผนที่จะสามารถวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ของจีนและสหรัฐฯ ได้ชัดเจน     

                ทั้งสองยักษ์เก่งเรื่องวางยุทธศาสตร์

                สหรัฐฯ เล่นหมากรุก, จีนก็เล่นหมากล้อม

                สหรัฐฯ มีคู่มือยุทธศาสตร์, จีนมีตำราพิชัยสงครามตั้งแต่ยุคโบราณ

                สองประเทศนี้ชอบดูแผนที่

                จีนยอมรับว่าฮวงจุ้ยตัวเองไม่ดีนัก เพราะสามารถถูกปิดล้อมทางภูมิศาสตร์ได้ เต็มไปด้วยความขัดแย้งในทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้

                แต่สหรัฐฯ มีฮวงจุ้ยที่ได้เปรียบ เพราะมีทางออกทางทะเลทั้งสองฝั่ง

                รายงานของนายกฯ จีนพูดถึงการจะสร้าง Polar Silk Road หรือเส้นทางสายไหมขั้วโลก

                เพราะขั้วโลกมีทรัพยากรมากมาย เพราะจีนต้องคิดตลอดเวลาของการแสวงหาแหล่งทรัพยากร

                นักวิเคราะห์สหรัฐฯ เคยวิเคราะห์ว่า

                ยุคทรัมป์นั้น พอตื่นขึ้นมาก็ตกใจเมื่อมีคนมารายงานว่าหัวเว่ยเป็นเบอร์สองของโลกแล้วในตลาดสมาร์ทโฟน

                แต่วันนี้ โจ ไบเดน ตื่นขึ้นมาตกใจที่ได้รับรายงานว่า ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดนั้น และพวกแร่ธาตุและวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่ ทำโซลาเซลล์นั้น จีนได้ไปยึดเหมืองเกือบทั่วโลกแล้ว

                เรากำลังอยู่ในโลกยุคการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ไม่เคยตื่นตาตื่นใจขนาดนี้จริงๆ!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"