ยกระดับสงครามระหว่าง กลุ่มชาติพันธุ์กับกองทัพพม่า


เพิ่มเพื่อน    

   กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธอย่างน้อย 10 กลุ่มในเมียนมา ได้ประชุมออนไลน์กันเพื่อจับมือกันตั้ง “กองกำลังสหพันธรัฐ” พร้อมเผชิญหน้ากับกองทัพเมียนมา

                ยกระดับของความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามกลางเมืองยืดเยื้อในประเทศอย่างร้อนแรง

                เจ้ายอดศึก, ประธานสภากู้ชาติรัฐฉาน, (RCSS) บอกนักข่าวว่ากองทัพเมียนมา (Tatmadaw) ได้เปิดสงครามกับประชาชนของตน เป็นการเผยความเป็นตัวตนอย่างแท้จริง นั่นคือ “ความเป็นผู้ก่อการร้าย...”

                เขาบอกว่าบัดนี้กองกำลังชาติพันธุ์ทั้งหลายกับฝ่ายประท้วงรัฐประหารมีศัตรูร่วมกันแล้ว นั่นคือกองทัพเมียนมา

                “ดังนั้นเราจึงควรจะร่วมมือกันต่อสู้กับกองทัพที่กำลังทำร้ายประชาชน...”

                คำประกาศเช่นนี้ของเจ้ายอดศึกต้องถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของฝ่ายติดอาวุธชาติพันธุ์

                เพราะในอดีตที่ผ่านมา กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองทั้งทางด้านกองกำลังและทางการเมืองเพียงพอที่จะทำให้กองทัพเมียนมาต้องยอมต่อรองเจรจา

                เมื่อปี 2015 กลุ่มชาติพันธุ์ 10 กลุ่ม ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงแห่งชาติที่เรียกเป็นภาษาทางการว่า National Ceasefire Agreement (NCA) ภายใต้รัฐบาลเต็งเส่ง

                แต่ในทางปฏิบัติ ความสงบก็มิได้เกิดขึ้นเพราะความระแวงสงสัยต่อกันและกัน ก็ยังเป็นอุปสรรคสำคัญของการ “รวมชาติ” อย่างแท้จริง

                แต่วิกฤติอันเกิดจากรัฐประหารโดยกองทัพภายใต้การนำของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ครั้งนี้กลับสร้างโอกาสสำคัญในอันที่จะนำเอาความฝันอันยาวนานของการรวมประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียว

                เพราะเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน จากการประชุมของผู้นำ 10 กลุ่มชาติพันธุ์ เกิดมติให้สนับสนุนการก่อตั้ง “รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ”

                ที่มาจากข้อเสนอของ “คณะกรรมการตัวแทนรัฐสภาแห่งชาติ” หรือ Committee Representing the Pyidaungsu Hluttaw (CRPH)

                ที่เสนอให้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เขียนโดยกองทัพเมื่อปี 2008

                เพื่อร่างกฎบัตรประชาธิปไตยแห่งสหพันธรัฐเมียนมาใหม่

                กลุ่มชาติพันธุ์ที่มาจับมือกันครั้งนี้มีความเห็นพ้องต้องกันว่ากองทัพเมียนมาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนั้น

                ไม่เกิดทั้งรัฐบาลผสม, กระบวนการสันติภาพ และการปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกทางการเมือง เพราะกองทัพเมียนมา “เบี้ยว” ข้อตกลงมาตลอด

                ความจริง ผู้นำบางคนในกลุ่มชาติพันธุ์เองเห็นว่า อองซาน ซูจี เองก็หลงเชื่อผู้นำกองทัพมากเกินไปในช่วงเวลาที่เธอเป็นผู้นำรัฐบาลหลังชัยชนะการเลือกตั้งในปี 2015

                ในหลายช่วงตอนกลุ่มชาติพันธุ์มองว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงที่จะทำให้เกิดกระบวนการสันติภาพเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเธอก็ระแวงกลุ่มชาติพันธุ์

                และกลุ่มชาติพันธุ์ก็ไม่ไว้วางใจเธอที่บริหารประเทศร่วมกับกองทัพในจังหวะนั้น

                อาจจะเป็นเพราะ อองซาน ซูจี เองก็พยายามจะแก้ปัญหาของเธอเองกับกองทัพในเวลานั้นเช่นกัน

                จึงกลายเป็นความสงสัยกันและกันสามเส้า...คือฝ่ายชาติพันธุ์, กองทัพและรัฐบาลพลเรือนที่มีพรรค NLD เป็นแกนนำ

                เมื่อเกิดวิกฤติครั้งนี้จึงทำให้เกิดการปรับสมการ เมื่อสองในสามเส้าเห็นตรงกันว่า เส้าที่สามเป็น “ศัตรูร่วม” จึงสามารถเดินหน้าตามแผนการ “สร้างชาติใหม่” พร้อมกันได้

                มิน อ่อง หล่าย เองก็คงจะมองเห็นอันตรายที่จะเกิดกับตัวเขาและกองทัพ หากไม่ยื่นมือไปให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทำท่าจะโอนเอียงไปข้างอองซาน ซูจี

                เขาจึงเสนอ “หยุดยิง” 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ

                แต่ในทางปฏิบัติ ทหารของกองทัพเมียนมาก็ยังโจมตีกลุ่มกะเหรี่ยงบริเวณใกล้ชายแดนไทยอยู่ดี

                ถึงขั้นใช้เครื่องบินถล่มเป้าหมายพลเรือนที่มีผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก

                ทำให้คำว่า “หยุดยิง” หมดความหมายไปทันที

                และเร่งปฏิกิริยาของกลุ่มชาติพันธุ์ที่จะร่วมมือกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ได้อารยะขัดขืนเป็นเครื่องมือหลัก (Civil Disobedience Movement หรือ CDM) และ “รัฐบาลคู่ขนาน” ของ CRPH เพื่อต่อสู้กับกองทัพเมียนมาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

                มาถึงขั้นแตกหัก...ที่อาจนำไปสู่การสู้รบระหว่างกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่เป็นปีกหนึ่งของ “รัฐบาลพลัดถิ่น” ที่กำลังขอให้ประชาคมโลกรับรองความชอบธรรม

                เป็นการต่อสู้ทั้งด้านอาวุธ, การเมือง, การยอมรับของนานาชาติ

                เป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของคนเมียนมาทั้งประเทศจริงๆ!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"