นักกอล์ฟคนใดทำเงินมากสุดในพีจีเอทัวร์ 1 ฤดูกาล


เพิ่มเพื่อน    

มีเม็ดเงินมหาศาลให้บรรดานักกอล์ฟตักตวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซอร์กิตใหญ่อย่าง พีจีเอทัวร์ ของสหรัฐอเมริกาในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา

        จำนวนเงินรางวัลก้าวกระโดดอย่างมากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมาในเซอร์กิตกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งต้องขอบคุณการปรากฏตัวในวงการกอล์ฟโลกของ ไทเกอร์ วู้ดส์ นักกอล์ฟผู้เปลี่ยนวงการตั้งแต่ทศวรรษ 1990 มาจนถึงทุกวันนี้

        เรามาดูกันว่า 10 อันดับแรกที่ทำเงินมากที่สุดใน 1 ฤดูกาลของพีจีเอทัวร์เป็นใครกันบ้าง

          อันดับ 10 ดัสติน จอห์นสัน ที่ทำเงินรางวัลไป 9,365,185 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 305 ล้านบาท ในฤดูกาล 2015-16

        ฤดูกาลดังกล่าว ดัสติน จอห์นสัน ชนะไป 3 รายการซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตในศึกยูเอส.โอเพ่น 2016 ในฤดูกาลนั้นเขาลงเล่น 22 รายการ จบการแข่งขันด้วยการติดท็อปเทน 15 รายการ พร้อมทั้งสร้างสถิติต่ำสุด 72 หลุมด้วยสกอร์ 23 อันเดอร์พาร์ตอนที่ชนะ บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปียนชิพ 

        ที่น่าประทับใจที่สุดคือเขาตกรอบเพียงรายการเดียวก่อนจบอันดับสองในเดอะ เรซ ทู เฟดเอ็กซ์คัพ เป็นรองเพียง รอรี แม็คอิลรอย คนเดียว

        อันดับ 9 เจสัน เดย์ ทำเงินรางวัล 9,403,330 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 306 ล้านบาท ในฤดูกาล 2014-15

        เจสัน เดย์ จบการรอคอยอันแสนยาวนานสำหรับชัยชนะในรายการระดับเมเจอร์ แชมเปียนชิพ ที่วิสท์ลิง สเตรทส์ ซึ่งเขาคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ มาครองสำเร็จ โดยเขาจบการแข่งขัน 20 อันเดอร์พาร์ ชนะ จอร์แดน สปีธ 3 สโตรก และเป็นการดับฝัน สปีธ ที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์กวาดแกรนด์สแลมชนะเมเจอร์ทั้ง 4 รายการในปีเดียวกันลงไป     

        นอกจากนี้ เดย์ ยังส่งท้ายฤดูกาลด้วยการคว้าชัยชนะ 4 รายการจากที่ลงเล่น 6 รายการ รวมทั้งปีชนะไป 5 รายการ จบอันดับสามในตารางเฟดเอ็กซ์คัพ 

        อันดับ 8 จอร์แดน สปีธ ทำเงินรางวัล 9,433,033 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 307 ล้านบาท ในฤดูกาล 2016-17

        จอร์แดน สปีธ ชนะไป 3 รายการที่ส่งให้เขากลับขึ้นไปเป็นนักกอล์ฟชั้นนำของวงการอีกครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นการระเบิดทรายลงหลุมเพื่อคว้าแชมป์ทราเวลเลอร์ส แชมเปียนชิพ และอีกรายการที่น่าจดจำคือการเล่นรอบสุดท้ายและเซฟมหัศจรรย์ที่หลุม 13 ซึ่งส่งผลต่อมาให้เขาคว้าแชมป์ ดิ โอเพ่น แชมเปียนชิพ หรือ บริติช โอเพ่น เป็นการคว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่สามในชีวิต และเป็นรายการที่สามในกระบวนการทำแคเรีย แกรนด์สแลม ของเขา 

        ตลอดทั้งซีซั่นจบการแข่งขันด้วยการติดหนึ่งในสาม 8 รายการ

        อันดับ 7 จัสติน โธมัส ทำเงินรางวัล 9,921,560 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 323 ล้านบาท ในฤดูกาล 2016-17

        ในฤดูกาลนั้น จัสติน โธมัส ได้รับเลือกให้เป็นนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี พีจีเอทัวร์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ จากชัยชนะ 5 รายการซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์เมเจอร์อย่าง พีจีเอ แชมเปียนชิพ และด้วยวัยเพียง 24 ปีก็สามารถคว้าแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพมาครองสำเร็จ 

        ตลอดทั้งฤดูกาลเขาจบการแข่งขันด้วยการติดท็อปเทน 12 รายการ และตอนที่เขาทำสกอร์ 59 ในรายการโซนี โอเพ่น ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 23 ปี ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดในพีจีเอทัวร์ที่ทำสกอร์ต่ำกว่า 60 

        นอกจากนั้น โธมัส ยังเป็นนักกอล์ฟคนที่สี่นับจากปี 1960 ต่อจาก ไทเกอร์ วูดส์, แจ๊ค นิคลอส และ จอร์แดน สปีธ ที่เพียงฤดูกาลเดียวสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 5 รายการ รวมถึงรายการระดับเมเจอร์ 1 รายการด้วย

        อันดับ 6 ไทเกอร์ วูดส์ ทำเงินรางวัล 9,941,563 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 323.8 ล้านบาท ในฤดูกาล 2006

        ในฤดูกาลนั้น เป็นฤดูกาลสุดทื้ายก่อน พีจีเอทัวร์ จะปรับระบบเป็นรูปแบบเฟดเอ็กซ์คัพ ซึ่ง ไทเกอร์ ปิดท้ายซีซั่นด้วยการชนะ 6 รายการจากการลงเล่น 6 รายการซึ่งเริ่มต้นด้วยชัยชนะใน ดิ โอเพ่น แชมเปียนชิพ หรือ บริติช โอเพ่น

        ขณะนั้น ไทเกอร์ เหนือกว่าคนอื่นๆอย่างไม่มีใครเทียบติด ในฤดูกาลนั้นเขาคว้ารางวัลพีจีเอทัวร์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ เป็นสมัยที่แปด คว้ารางวัลนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของพีจีเอทัวร์เป็นสมัยที่เจ็ด และคว่ารางวัลไบรอน เนลสัน อวอร์ด เป็นครั้งที่เจ็ด

        อันดับ 5 ไทเกอร์ วูดส์ ทำเงินรางวัล 10,508,163 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 342.3 ล้านบาท ในฤดูกาล 2009

        หลังจากพลาดการลงสนามในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2008เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า ไทเกอร์ สามารถกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในฤดูกาล 2009 และยังโชว์ผลงานได้โดดเด่นเหมือนก่อนเข้ารับการผ่าตัด

        อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2009 เป็นครั้งแรกนับจากปี 2004 ที่ ไทเกอร์ ไม่สามารถคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้แม้แต่รายการเดียว และยังไม่ชนะเมเจอร์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยครั้งนั้น ไทเกอร์ เกือบจะชนะ พีจีเอ แชมเปียนชิพ แต่โดน วาย อี แยง จากเกาหลีใต้ไล่ทันและชนะไปในรอบสุดท้าย

        อันดับ 4 ไทเกอร์ วูดส์ ทำเงินรางวัล 10,628,024 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 346.3 ล้านบาท ในฤดูกาล 2005

        นอกเหนือจากการทำเงินรางวัลสะสมตลอดฤดูกาลเกิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคว้ากรีนแจ๊คเก็ตตัวที่สี่จากชัยชนะที่ออกัสต้า เนชั่นแนล กอล์ฟคลับ แล้ว ไทเกอร์  ยังได้สร้างช็อตที่น่าจดจำมากที่สุดในอาชีพหรือบางทีน่าจะเป็นช็อตที่ได้รับการจดจำมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 ของวงการกอล์ฟ

        ช็อตดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบสุดท้ายที่ออกัสต้า ซึ่ง ไทเกอร์ ชิพอินลงหลุม และต่อมาช็อตดังกล่าวกลายเป็นโฆษณาของ ไนกี้ โดยตลอดฤดูกาล 2005  ไทเกอร์ ชนะไปทั้งหมด 6 รายการ

        อันดับ 3 ไทเกอร์ วูดส์ ทำเงินรางวัล 10,867,052 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 354 ล้านบาท ในฤดูกาล 2007

        จากชัยชนะติดต่อกันในฤดูกาล 2006 โมเมตั้มของ ไทเกอร์ ยังดีต่อเนื่องในปี 2007 เขาชนะ บิวอิค อินวิเตชั่นแนล เป็นสมัยที่เจ็ด และเพิ่มสถิติชนะพีจีเอทัวร์ต่อต่อกัน (นับรวมจากปลายฤดูกาล 2006) เป็นเจ็ดรายการ โดยสถิติชนะติดต่อกันมาสะดุดในเดือนกุมภาพันธ์ในรอบ 16 คนสุดท้ายของเวิลด์กอล์ฟ แชมเปียนชิพ รายการแอคเซนเจอร์ แมทช์เพลย์ แชมเปียนชิพ

        ไทเกอร์ จบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ ซึ่งเพิ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเขาชนะ 2 รายการสุดท้ายของคัพเพลย์ออฟ ซึ่งชัยชนะในรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปียนชิพ เป็นการคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 60 ในอาชีพ และโดดเด่นอย่างที่สุดใน เดอะ ทัวร์ แชมเปียนชิพ ที่ชนะโดยทิ้งอันดับสอง 8 สโตรกด้วยกสอร์ 23 อันเดอร์พาร์ 257 (64-63-64-66)  ซึ่งยังคงเป็นสกอร์ต่ำสุด 72 หลุมในการเล่นอาชีพของเขามาจนถึงทุกวันนี้

        อันดับ 2  วีเจย์ ซิงห์ ทำเงินรางวัล 10,905,166 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 355.5 ล้านบาท ในฤดูกาล 2004

        ด้วยวัย 41 ปีในขณะนั้น วีเจย์ ซิงห์ ทำผลงานได้เยี่ยมที่สุดในฤดูกาล 2004 เขาคว้าแชมป์เมเจอร์อย่างพีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่วิสท์ลิง สเตรท และชนะพีจีเอทัวร์อีก 8 รายการ

        ผลงานโดยรวมตลอดทั้งฤดูกาลน่าประทับใจมาก ลงเล่น 29 รายการ ผ่านเข้ารอบ 28 รายการ จบการแข่งขันด้วยการติดท็อปเทน 18 รายการ และจบการแข่งขันติดหนึ่งในยี่สิบห้าอันดับอรก 24 รายการ โดยเงินรางวัลสะสม 10,905,166 เหรียญสหรัฐฯ นั้นยังส่งให้ วีเจย์ ขึ้นไปคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี พีจีเอทัวร์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ด้วย

        อันดับ 1 จอร์แดน สปีธ ทำเงินรางวัล 12,030,465 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 391.8 ล้านบาท ในฤดูกาล 2014-15

        ด้วยวัยเพียง 22 ปี จอร์แดน สปีธ เป็นเจ้าของแชมป์เมเจอร์อย่าง ยูเอส.โอเพ่น และ เดอะ มาสเตอร์ส ก่อนจะก้าวไปคว้าแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ พร้อมโบนัส 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

        นอกจากนั้น สปีธ ยังเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดที่คว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี นับตั้งแต่ ไทเกอร์ วูดส์ เคยทำไว้เมื่อปี 1997

        ในฤดูกาล 2014-15 จากชัยชนะในรายการระดับเมเจอร์ 2 รายการแล้ว สปีธ ยังไปชนะอีกในรายการวาลสปาร์ในเดือนมีนาคม, จอห์น เดียร์ คลาสสิก ในเดือนกรกฎาคม และ เดอะ ทัวร์ แชมเปียนชิพ ที่เป็นการปิดฤดูกาลพร้อมโบนัสเข้ากระเป๋าอีก 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"