โรดแมปคว่ำคสช.! 'อยากเลือกตั้ง'ดีเดย์พ.ค.ทวงอำนาจยืดเยื้อ/ทาบเหลิมร่วมทัพ 


เพิ่มเพื่อน    


     กลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศชน  คสช.เต็มเหนี่ยว กางโรดแมปเดือน พ.ค.ชุมนุมค้างคืน จนกว่าจะได้อำนาจคืน ซัด "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" คือศัตรูของชาติ เชิญชวนนักการเมือง "มาร์ค-เหลิม" ร่วมเรียกร้อง ขณะที่เกรียนคีย์บอร์ด "วัฒนา" โหน “MBK 39” เผด็จการยัดข้อหาให้อย่างหน้าชื่นตาบาน โฆษก คสช.เตือนท่อน้ำเลี้ยงต้องยอมรับสิ่งที่จะตามมา
    ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มแกนนำคนอยากเลือกตั้ง นำโดยนายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย, นายเอกชัย หงส์กังวาน, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ จัดแถลงข่าวกรณี คสช.แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมคนอยากเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ห้องจารุพงศ์ ทองสินธุ์ ตึกกิจกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    โดย น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งในแกนนำที่ถูกดำเนินคดี กล่าวถึงความคืบหน้าในการถูกดำเนินคดีของกลุ่ม MBK 39 ว่า แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งไม่ให้เหล่าแกนนำต้องถูกฝากขังระหว่างการดำเนินคดี แต่คดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด ทั้งคดีใน ม.116 การยุยงปลุกปั่นความผิดการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน และความผิดในการขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ในการห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
    ยืนยันว่า ในวันที่ 10 ก.พ. ทางกลุ่มได้มีการแจ้งการชุมนุมกับ สน.สำราญราษฎร์ ภายใน 24 ชม. ก่อนการชุมนุมเกิดขึ้นแล้ว พร้อมมองว่าตั้งข้อหาใน ม.116 ไม่สมเหตุผลและละเมิดสิทธิพลเมือง เพราะการปราศรัยเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ไม่ได้ยุยงปลุกปั่นเข้าข่ายความผิดตาม ม.116 แต่อย่างใด และยืนยันว่าทางกลุ่มไม่ได้ชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานเกิน 150 เมตรตามกรอบกฎหมายกำหนด
    เธอกล่าวว่า ที่มองว่าการรวมตัวชุมนุมเป็นการละเมิดสิทธิคนอื่นที่ไม่ได้ต้องการเข้าร่วม ขอย้ำการชุมนุมเป็นช่องทางสำหรับพลเมืองเพื่อแสดงออก สำหรับกรณีที่สังคมไม่เปิดให้แสดงออก เพราะขณะนี้ไม่มีฝ่ายค้านในการตรวจสอบหากมีการไม่เห็นด้วย
    ด้านนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เผยว่า จุดยืนในการเคลื่อนไหวกับสิ่งที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งออกมาเรียกร้องไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ แต่ได้ออกมาเรียกร้องโดยตลอดตั้งแต่มีการรัฐประหาร กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เคยประกาศในเวทีระดับโลกว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 นั้น แต่ก็มีท่าทีจากทาง สนช.ว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
    ทางกลุ่มจึงต้องออกมาแสดงจุดยืนว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งนั้นเป็นการกำหนดทิศทางความเป็นไปของประเทศชาติ และเป็นการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้กับประชาชนทุกคน พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ทางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช่การกระทำเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องการให้ประเทศพ้นจากผู้กุมอำนาจอย่าง คสช. รวมถึงได้รัฐบาลที่ไม่ใช่แม่น้ำ 5 สาย ที่ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง
    "คนที่ไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนได้ประโยชน์ ยืนยันว่าการชุมนุมทุกครั้งไม่ได้กระทบสิทธิเสรีภาพของใคร"
กางโรดแมปชุมนุม
    นอกจากนี้ สิรวิชญ์ยังย้ำจุดยืนว่า หยุดยื้อการเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ และต้องมีการเลือกตั้งภายในปี 2561 เท่านั้น 
    ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม เชื่อว่าวันนี้ไม่มีหนทางอื่นที่จะเกิดการเลือกตั้ง นอกจากประชาชนจะออกมาแสดงพลังร่วมกัน เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เคยไปร้องหลายที่ โพสต์เฟซบุ๊กหลายครั้ง แต่ผู้อยู่บนอำนาจก็ยังสืบทอดอำนาจ ซึ่งวิธีการเดียวที่ทำได้นี้จะทำให้ คสช.ตระหนักว่าใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริง
    เขากล่าวว่า วันที่ 18 ก.พ.นี้ ทางกลุ่มจะเดินทางไปที่ลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา เวลา 17.00 น. และวันที่ 24 ก.พ. จะจัดกิจกรรมที่หน้าหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป พร้อมทั้งมีการวางโรดแมปไว้ในวันที่ 19-22 พ.ค. จะมีการชุมนุมติดต่อกันแบบค้างคืน จนกว่าจะได้อำนาจคืน และจะให้เดือน พ.ค. เป็นเดือนที่ทำให้คนไทยตระหนักถึงการเลือกตั้ง เพราะครบรอบ 4 ปี ในการทำรัฐประหาร
    พร้อมยืนยันว่า การออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้หวังให้ประชาชนเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบ แต่อยากส่งให้ถึงศัตรูของชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ คสช. และตราบใดที่ คสช.ไม่ยอมลงจากอำนาจก็จะมีการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 
    นายรังสิมันต์ยังกล่าวว่า จะไม่ไปยื่นหนังสือกับกรรมาธิการในพิจารณากฎหมายลูก เพราะเชื่อว่าไม่มีประโยชน์ และที่ผ่านมาได้เคยยื่นข้อเสนออื่นๆ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และไม่ได้รับการพิจารณาพร้อมมองว่า สนช. มาจาก คสช. และเห็นว่าคนไทยพร้อมเลือกตั้งแล้ว แต่ผู้ที่ไม่ต้องการการเลือกตั้งคือ คสช.
    "ยืนยันไม่ได้ทำเพราะเรื่องของสีเสื้อ และขออย่านำเรื่องดังกล่าวมาดิสเครดิต ซึ่งยอมรับว่าประเทศไทยมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่ไม่ควรส่งต่อความขัดแย้งไปสู่ประชาชนรุ่นใหม่" 
    นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ยังได้ขอเชิญชวนนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และกลุ่มต่างๆ มาร่วมในการเรียกร้องครั้งนี้ด้วย
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนไทยคงรู้สึกหนักใจกับท่าทีแบบนี้ของ คสช. คำสั่ง คสช.ที่ห้ามประชาชนชุมนุมเกิน 5 คนนั้น แม้เป็นกฎหมาย แต่ก็คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมืองในตัวของมันเอง ขัดต่อทั้งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การจงใจแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 เป็นการใช้กฎหมายเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความหวาดกลัวเพื่อไม่ให้คนไปชุมนุมหรือไม่ ทั้งที่จริงๆ แล้วกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เพื่อต้องการการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ไม่ได้วางแผนโค่นล้มรัฐบาล 
โหน “MBK 39”
    เขากล่าวว่า ข้อเรียกร้องก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรง แต่รัฐบาลกลับพยายามใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร พยายามสร้างภาพว่าเกิดความวุ่นวาย กลุ่มผู้เคลื่อนไหวเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นคนเสื้อแดงเป็น นปช.ทั้งที่เป็นคนหนุ่มสาวและประชาชนที่อยากเลือกตั้งโดยพื้นฐาน เป็นสิทธิในการเคลื่อนไหวที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ คสช.ไม่ควรใช้ไอโอทำลายความชอบธรรมของการเคลื่อนไหว 
    นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Watana Muangsook” ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ได้โพสต์ให้กำลังใจการชุมนุมของกลุ่ม ที่ไปรวมตัวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่สกายวอล์กแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 มกราคม ปรากฏว่าภายหลังจากได้เผยแพร่โพสต์ดังกล่าวออกไป กลับถูก บก.ปอท. ตั้งข้อหาปลุกปั่นยุยงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์เพิ่มอีก 1 คดี
    วันนี้แม้ผมจะต้องมีคดีเพิ่ม เพราะการให้กำลังใจน้องกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอีกคดีก็ยินดี ผมขอชื่นชมทุกคนที่ออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งให้ประชาชนที่ถูกเผด็จการยึดไป แม้จะต้องแลกมาด้วยการถูกดำเนินคดีอาญาจากเผด็จการ ทั้งข้อหาปลุกปั่นยุยงและมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ขอคารวะให้กับความกล้าหาญของทุกท่านอีกครั้ง
    เขาขอประณามบรรดาหัวหงอกหัวดำและที่ไม่มีผมทั้งหลายที่ยืนข้างเผด็จการ เพราะความอยากได้ใคร่ดีในเศษอำนาจที่เผด็จการโยนมาให้ คนเหล่านี้จึงสามารถทนเห็นลูกหลานที่บางคนยังเป็นนักศึกษาถูกเผด็จการยัดข้อหาให้อย่างหน้าชื่นตาบาน แถมบางคนยังลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นศรีธนญชัยปกป้องเผด็จการ ถ้าไม่อายตัวเองก็ลองหัดอายเด็กดูบ้าง เผื่อจะเหลือความเป็นคนให้ลูกหลานกราบไหว้เมื่อตายไปแล้ว ขอประณามสถานศึกษาด้านกฎหมายทั้งหลายที่ไม่เคยแสดงความกล้าหาญยืนเคียงข้างประชาชน หากการดำรงอยู่มิได้เป็นไปเพื่อปกป้องความชอบธรรมและรับใช้ประชาชนก็สมควรยุบทิ้ง อยู่ไปก็เปลืองภาษีประชาชนครับ
     ด้าน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ในฐานะทีมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การที่กลุ่มบุคคลต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว เราต้องพิจารณาว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าเคลื่อนไหวเพราะความเดือดร้อนจากผลกระทบในโครงการรัฐ หรือปัญหาปากท้อง เราต้องพิจารณาเป็นประเด็น แต่ถ้าเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มอยากเลือกตั้งนั้น ทาง คสช.ขอทำความเข้าใจว่าเรากำลังดำเนินการไปสู่การเลือกตั้งอยู่แล้ว เพียงแต่รายละเอียดการปฏิบัติต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า คสช.ต้องการให้ช่วงรอยต่อที่จะได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งต้องมีความระเบียบเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อได้
จับตาท่อน้ำเลี้ยง
    ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่จะดูแลกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น คสช.ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา อะไรก็ตามที่จะทำให้บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อง คสช.คงไม่ปล่อยปละละเลยเด็ดขาด เราต้องดูแลความสงบสุขของบ้านเมืองเพื่อรักษาสภาวะแวดล้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม ซึ่งการปฏิบัติแต่ละพื้นที่ แต่ละสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องประเมินด้วยการติดตามข้อมูลข่าวสาร การเคลื่อนไหว การเตรียมสถานที่ของผู้ชุมนุม อำนวยความสะดวก และป้องกันผู้ไม่หวังดีเพื่อสร้างสถานการณ์ ดังนั้นขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม
    เมื่อถามว่า แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งล้วนถูกข้อหาและแจ้งความดำเนินคดี คสช.จะทำความเข้าใจอย่างไร พล.ต.ปิยพงศ์ตอบว่า เราไม่ได้กลั่นแกล้ง ไม่ได้ลิดรอนสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐทำทุกอย่างภายใต้กรอบกฎหมาย ในเมื่อพวกเขารู้ว่าทำผิดกฎหมายก็ต้องรับรู้สิ่งที่จะตามมาด้วยว่าเป็นอย่างไร   
    ถามว่า คสช.ประเมินการเคลื่อนไหวกลุ่มนี้อย่างไร มีใครหนุนหลังหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ขอให้ประชาชนช่วยกันสังเกตร่วมกันว่าคนที่มาเคลื่อนไหวเป็นท่านเดิมๆ และมีคนใหม่ๆ เข้ามาหรือไม่ ส่วนจะมีใครสนับสนุนหรือไม่ ต้องช่วยกันตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่อยากให้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อให้เป็นไปตามโรดแมปได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และถึงอย่างไรการเลือกตั้งก็ต้องเกิดขึ้นตามโรดแมปที่วางไว้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติทั้งสิ้น
    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์คลิปในโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของนักศึกษาเครือข่ายประชาชนและนักวิชาการที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งจัดกิจกรรม We Walk เดินมิตรภาพจาก มธ.ศูนย์รังสิต ไปยัง จ.ขอนแก่น ว่าขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคลิปเก่าที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สลายการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.บริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) เมื่อปี 2556 จึงคาดว่ามีผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างกระแสจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นในบ้านเมือง 
    "นายกฯ ขอให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสารให้ดี โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการกระทำเช่นนี้เป็นตัวอย่างของความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้ง จึงขอเตือนผู้ไม่หวังดีให้หยุดพฤติกรรมที่ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุขอย่างเด็ดขาด” พล.ท.สรรเสริญระบุ
"บิ๊กป้อม" ไม่ออก
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ผู้ที่ไม่หวังดีที่นำภาพถ่ายพร้อมด้วยคลิปวิดีโอและข้อความ ไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียในลักษณะที่เป็นการปลุกระดม สร้างความสับสนให้กับประชาชน โดยมีการเชิญชวนให้ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล การกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) และฐานทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
    รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. (งานความมั่นคง) ให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนโปรดติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น และใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารในช่องทางอื่นๆ อย่างหลงเชื่อข้อมูลในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยื่นรายชื่อที่รวบรวมผ่านทางเว็บไซต์ จำนวน 80,018 ชื่อ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งว่า ตนยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรตั้งใจทำงานเต็มร้อย เพื่อทำงานดูแลความมั่นคงให้ประเทศต่อไป โดยที่ไม่หวั่นไหวต่อกระแสกดดันให้ลาออก เพราะยังมีประชาชนยอมรับในการทำงานด้านความมั่นคงของท่านอยู่
        พล.ท.คงชีพกล่าวต่อว่า ส่วนคนที่ออกมากดดันให้ท่านลาออกจากตำแหน่งนั้น เราก็ต้องรับฟังข้อมูลของพวกเขา เพราะพวกเขาก็มีสิทธิเห็นต่างโดยที่เราไม่ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายของบ้านเมือง ไม่ก้าวล่วงกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ได้ สังคมก็จะไม่สงบสุข
    “ผมมั่นใจว่าท่านประวิตรมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศชาติต่อไป โดยจะไม่ลาออก ซึ่งการที่คุณทิชา ที่เขาออกมาล่ารายชื่อนั้น ผมไม่เข้าใจเจตนาของเขาว่าต้องการอะไร“ พล.ท.คงชีพกล่าว
    นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์เรื่องกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. อาจถูกคว่ำในชั้นกรรมาธิการ ว่า ประเด็นนี้เคยแสดงความเห็นไว้ด้วยความเป็นห่วง ว่าอย่าได้ทำอย่างนั้น เพราะมีแต่จะเกิดผลเสีย และมีผลกระทบที่รุนแรงมากเกินกว่าที่ทุกฝ่ายจะรับได้ มันเป็นเดิมพันที่สูงเกินไป 
เป็นห่วงอุบัติเหตุ
    แต่ในระยะหลังนี้มีสัญญาณจาก 3 ฝ่ายคือ ทางรัฐบาล ที่ให้โฆษกรัฐบาลออกมาย้ำ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาพูดถึงเรื่องเลือกตั้งที่จะเห็นชัดก็ในเดือน มิ.ย.นี้ และทางนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ออกมาให้น้ำหนักชัดเจนว่าต้องผ่าน ทั้งหมดนั้นเป็นการย้ำให้ทุกคนเห็นชัด โดยเฉพาะเป็นสัญญาณให้ สนช. เพื่อให้เห็นว่าหากเกิดความพลาดพลั้งไปจนกฎหมายดังกล่าวคว่ำไปก็อาจกระทบต่อทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของ สนช.เท่านั้น อย่างไรก็ตาม โดยรวมเชื่อว่าน่าจะคลี่คลายได้
        นายนิกรกล่าวว่า เดิมเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ แต่เชื่อว่าสัญญาณที่รัฐบาลและ คสช.ซึ่งเป็นแม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุดส่งออกมาตอนนี้นั้นชัด เพราะคงรับไม่ไหวกับผลที่อาจเกิดขึ้นหากยืดอีก สัญญาณที่ออกมาเหมือนออกมาเตือน สนช.ที่จะเป็นคนลงคะแนน ให้เห็นว่า คสช.และรัฐบาลจะเอาอย่างไร และเป็นการย้ำกับประชาชนให้มีความเชื่อมั่น แม้ว่าจะสร้างไม่ค่อยได้แล้ว เพราะประชาชนยังไม่ค่อยเชื่อ ฉะนั้นถึงตอนนี้ไม่ได้เผื่อใจแล้วว่าจะมีอุบัติเหตุ ทั้งที่จากเดิมเป็นห่วงมาก
        ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนากล่าวว่า เรื่องวันเลือกตั้งที่นายกฯ ย้ำเสมอว่าอยู่ในโรดแมปนั้น  เชื่อว่า พ.ย.61 อาจจะไม่ทันแน่ แต่อาจจะเกิดขึ้นช่วง ธ.ค.61 หรือต้นปี 62 ซึ่งโรดแมปตรงนี้จะถูกนับเริ่มตั้งแต่วันที่มีราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นการคำนวณอย่างช้าสุด แต่ในหลักความเป็นจริง คสช.ก็อาจจะร่นขึ้นมาเป็นภายในปลายปี 61 ก็เป็นได้ ยังไม่มีความแน่นอน 
    "ดังนั้นหากเลือกตั้งช่วงปลายปี 61 นายกฯ ก็จะไม่เสียคำพูดต่อนานาชาติ และยังเป็นการลดแรงปะทะทางการเมืองของเขาด้วย"
    นายนิกรยอมรับว่า ขณะนี้ความไม่พอใจขยายตัวไปพอสมควร ดังนั้นหากรัฐบาลยังสร้างเงื่อนไขมากขึ้นอีก รัฐบาลจะยิ่งลำบาก เพราะเงื่อนไขที่สร้างจะเป็นการสร้างให้กับตัวเองเสียมากกว่า ทั้งนี้ รัฐบาลและ คสช.จะต้องผ่อนคลาย อย่างที่บอกคือทำให้ชัดขึ้นว่าจะมีการเลือกตั้ง และหากกฎหมายลูก 2 ฉบับนี้ผ่านก็ชัดขึ้น แต่ถ้าเขาไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่เขาก็เคลื่อนกันไปได้เรื่อยๆ ประชาชนก็รับฟัง หากชัดเจนขึ้นแล้วจะเคลื่อนไปได้อย่างไรใช่หรือไม่
    ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ท้ายที่สุดหลังจากผ่านขั้นตอนของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับจะต้องกลับเข้า สนช.เพื่อโหวตเห็นชอบด้วยเสียง 2 ใน 3 ถ้าเสียงไม่ถึงกฎหมายลูกจะถูกคว่ำไปทั้งฉบับ ดังนั้น เมื่ออำนาจการกำหนดชะตากรรมของประเทศในเรื่องโรดแมปเลือกตั้งอยู่ในมือ สนช. ก็อยู่ที่สมาชิก สนช.ทุกคนแล้วว่าจะกำหนดอนาคตประเทศและอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.อย่างไร เพราะหาก สนช.สร้างเงื่อนไขให้ยิ่งล่าช้าออกไป คนได้ประโยชน์อาจจะเป็น สนช. แต่คนที่จะเสียหายที่สุดคือประเทศชาติ รองลงมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเคยได้ให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลกไว้ ดังนั้น สนช.ต้องเลือกและคิดให้ดีว่าสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน ระหว่างจะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองหรือจะเลือกประโยชน์ของชาติกับเกียรติยศของ พล.อ.ประยุทธ์  
    ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าโรดแมปเลือกตั้งจะชัดเจนได้ในเดือน มิ.ย.นี้นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราไม่รู้ว่ากฎหมายลูกจะมีผลบังคับใช้ได้เมื่อไหร่ เพราะ สนช.ยังไม่ได้เลือกว่าจะกำหนดอนาคตประเทศในเรื่องนี้อย่างไร จะกำหนดให้ชัดเจน กำหนดให้อึมครึม หรือจะกำหนดให้ไม่มีทิศทาง ทั้งหมดอยู่ในมือของ สนช.ทั้งสิ้น ดังนั้น สนช.ต้องเลือกให้ดีว่าจะยึดผลประโยชน์ของตัวเองหรือประโยชน์ของชาติกับเกียรติยศของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะอย่าลืมว่า หาก สนช.คว่ำกฎหมายลูก ปัญหาใหม่จะตามมา เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ใครจะเป็นผู้ทำหน้าที่ยกร่างกฎหมายลูกต่อ เพราะวันนี้หมดเวลา 240 วันของ กรธ.ไปแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"