'ประยุทธ์'แอ่นอกไม่หนีรับผิดชอบโกงทุกระดับ


เพิ่มเพื่อน    


   "บิ๊กตู่" ลั่นให้ตรวจสอบโกงตั้งแต่ระดับนโยบายถึงระดับล่าง ยันรับผิดชอบภาพรวม แต่ไม่ใช่มีปัญหาแล้วจะให้รับผิดชอบทั้งหมด เผยหากตัวเองผิดก็ยอมรับ ย้อนพวกหนีไปต่างประเทศจะทำอย่างไร  ด้านประธาน ป.ป.ช.เลื่อนนาฬิกาเพื่อนไปเดือน มี.ค. แก้ตัวแทน "บิ๊กป้อม" งานเยอะ แถมเรื่องเกิดมานานจำไม่ได้ว่าใส่นาฬิกาเรือนไหนไปงานอะไร
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธถึงปัญหาการทุจริตว่า รัฐบาลจะให้มีการตรวจสอบ ซึ่งต้องไล่ดูตั้งแต่ระดับนโยบาย ที่ผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง ลงไปสู่ระดับล่าง โดยตนจะรับผิดชอบในภาพรวมทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อมีปัญหาแล้วมาโวยวายให้ตนรับผิดชอบทั้งหมด 
    "ผมรับผิดชอบแน่นอน แต่ก็ต้องดูข้อกฎหมายว่าใครผิด และใครจะต้องรอดคุก หากถึงผมก็ต้องยอมรับ แล้วคนที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลยหนีไปต่างประเทศล่ะ จะทำอย่างไร" นายกฯ กล่าว
    วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าเท่าที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้ให้ข้อมูล คิดว่า ก.พ.นี้คงไม่เสร็จ เพราะจากรายงานทราบว่า สำนักที่เกี่ยวข้องจะส่งข้อมูลที่เพิ่มเติมไปยัง พล.อ.ประวิตร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องคำถามมากขึ้นกว่าเดิมที่ถามในภาพรวม เพราะมีการร้องเรียนนาฬิกามากกว่า 25 เรือน 
    "ต้องการที่จะถามให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นในโอกาสไหน งานอะไร มีการใส่นาฬิกาเรือนที่ปรากฏในภาพไปจริงหรือไม่ ภาพที่ปรากฏเป็นภาพจริงหรือไม่ เพื่อให้ พล.อ.ประวิตรตอบได้ชัดเจนเมื่อเรานำข้อมูลมาวิเคราะห์จะได้ชัดเจนขึ้น"
    ประธาน ป.ป.ช.คาดว่า ภายใน 1-2 วันนี้ เลขาธิการ ป.ป.ช.จะทำหนังสือไปยัง พล.อ.ประวิตร และจะนับเวลาไปอีก 15 วัน เพื่อให้เวลาท่านตอบ คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นในเดือน มี.ค.นี้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรขอเลื่อนการชี้แจงรอบที่ 2 ให้เหตุผลในการเลื่อนการชี้แจงอย่างไร พล.อ.วัชรพลตอบว่า ท่านอาจจะมีภารกิจมาก เพราะรับผิดชอบงานหลายด้าน เรื่องเหล่านี้ก็ผ่านเวลามานานพอสมควร บางทีเราเองจำไม่ได้ว่าวันนั้นเราไปงานนั้น แล้วใส่นาฬิกาเรือนนั้นจริงหรือไม่ ดังนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ เราต้องให้เกิดความชัดเจน โดยปกติไม่ว่าจะคดีอื่นๆ ก็มีการขอขยายเวลาได้
    ถามว่าหากเดือน มี.ค.มีการเลื่อนออกไปอีก สังคมจะมองว่าเป็นการพยายามเลื่อนหรือไม่  ประธาน ป.ป.ช.อธิบายว่า เลื่อนหรือไม่เลื่อนอยู่ที่ข้อมูล การดำเนินงานว่าครบถ้วนพอที่จะสรุปผลให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือยัง และอยู่ที่กระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของข้อมูล 
    ส่วนกระแสกดดันการทำงานของ ป.ป.ช.นั้น เราไม่กังวล เพราะเป็นหน้าที่ เราตรวจสอบทุกเรื่อง หากเรื่องไหนประชาชนให้ความสนใจ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเอาใจใส่มากขึ้น การทำงานยิ่งต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้นด้วย หากเร่งรัดดำเนินการอาจจะมองได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจจะมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.วัชรพลปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ทุกภาคส่วนร่วมใจ ยกระดับคะแนน CPI สูงกว่าร้อยละ 50" จัดการสัมมนาวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า การต่อสู้การทุจริตของประเทศไทยมีการกำหนดไว้ในแผนพัฒนาประเทศในหลายระดับ มีเป้าหมายสอดคล้องกันคือ การเพิ่มค่า CPI ให้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2564 คาดว่าค่า CPI ประจำปี 2560 น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 35 คะแนน โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้วิเคราะห์ใน 9 ดัชนีชี้วัดที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาตินำมาประเมิน คาดว่าคะแนนน่าจะลดลงประมาณ 2 ดัชนี คือ เรื่องนิติธรรม และความคาดหวังทางประชาธิปไตย ส่วนดัชนีชี้วัดที่เหลือมองว่าน่าจะได้คะแนนเพิ่มขึ้น
    สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันพุธ มีภารกิจต้อนรับนายวัลแตมาร์ ดูบายอฟสกี เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย และนายลง วิซาโล เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ที่เดินทางมาเข้าพบเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ที่กระทรวงกลาโหม 
    สื่อมวลชนพยายามสอบถามกรณีที่นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน คตช.  เพื่อขอให้พิจารณาให้ พล.อ.ประวิตรออกจากตำแหน่งกรรมการ คตช. หลังจากมีประเด็นนาฬิกาหรู แต่พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มและพยายามเดินเลี่ยงสื่อมวลชนด้วยการใช้บันไดแทนลิฟต์ในการขึ้นลงห้องทำงานภายในกระทรวงกลาโหมหลังจากเห็นสื่อมวลชนยืนรอสัมภาษณ์บริเวณหน้าลิฟต์ เพราะโดยปกติแล้ว พล.อ.ประวิตรจะขึ้นลงห้องทำงานโดยลิฟต์
    นายมานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า ความเห็นของนายต่อตระกูลเป็นความเห็นที่นายกฯ ควรรับฟัง เพราะนายต่อตระกูลมีความตั้งใจแก้ปัญหาคอร์รัปชันและให้การสนับสนุนรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงไม่มีข้อสงสัยว่าการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีนัยอะไร ทั้งนี้ หากนายกฯ ไม่ใส่ใจข้อคิดเห็นดังกล่าวจะเสียแรงสนับสนุน และที่ระบุว่าให้รอกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นก่อนนั้นต้องใช้เวลานาน  ถึงเวลานั้นประชาชนจะเสื่อมศรัทธาว่าผู้นำจะเอาจริงในเรื่องนี้หรือไม่ ขณะที่นักการเมืองต้องมีมาตรฐานจริยธรรมที่สูงว่าคนทั่วไป ต้องวางตัวให้ประชาชนศรัทธา หากเกิดข้อสงสัยว่ามีอะไรที่ขัดหลักการควรแสดงความรับผิดชอบ 
    นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนไร้ที่พึ่งและคนขอทาน ผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยกล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่าโครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นในสมัยนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และมีนายณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นรองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ อีกทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังเคยมีหนังสือให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ในฐานะอดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กลับนิ่งเฉย และให้เดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อ รวมทั้งยังผลักดันให้นายพุฒิพัฒน์เป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และนายณรงค์เป็นรองปลัดฯ ตนจึงต้องขอเรียกร้องให้นายกฯ สอบ พล.ต.อ.อดุลย์ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และย้ายนายพุฒิพัฒน์และนายณรงค์กับพวกรวม 5 คนออกจากตำแหน่ง เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพ
    ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.เขต 4 จ.ขอนแก่น นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ป.ป.ท.เขต 4 ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงยังคงไม่สามารถลงพื้นที่สอบสวนชาวบ้าน 2,000 ราย ตามรายชื่อที่ปรากฏใบฎีการับเงินที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นได้ออกใบสำคัญรับเงินได้ เพราะเอกสารสำคัญไม่ครบ หลังจากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้มีการยื่นเรื่องขอเอกสารตัวจริงทั้งหมดจากทางศูนย์ฯ เพื่อให้ได้เอกสารหลักฐานที่ชัดเจนของชาวบ้านทั้งหมด
    "เราขาดในส่วนของต้นฉบับหรือเอกสารตัวจริงเกี่ยวกับใบฎีการับเงิน ซึ่งทราบจากทางรักษาการ ผอ.ศูนย์ฯ ว่าได้มีการค้นหาให้แล้ว แต่ต้องตรวจความละเอียดเรียบร้อยว่าต้นฉบับกับสำเนานั้นตรงกันหรือไม่ หากตรงกันทั้ง 2,000 ฉบับ จะมีการแจ้งให้กับ ป.ป.ท.เขต 4 ติดต่อเข้าไปรับที่ศูนย์ฯ เพราะเป็นเอกสารสำคัญ ที่ต้องมีการลงลายมือชื่อรับมอบ เพื่อความถูกต้องตามขั้นตอนการส่งเอกสารสำคัญทางราชการ"
    นายทองสุขกล่าวต่ออีกว่า การลงพื้นที่ในส่วนของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงจึงต้องระงับเอาไว้ก่อน จนกว่าจะได้เอกสารสำคัญส่วนที่เหลือให้ครบ ทั้งนี้ ยืนยันในการทำงานของ ป.ป.ท.ที่ได้มีการเร่งรัดการทำงานในทุกขั้นตอนให้รอบคอบ ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 
    ส่วนกรณีชาวบ้านบ้านหนองน้ำเกลี้ยง หมู่ 3 ต.สำราญ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น ที่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ นำเงินสงเคราะห์คนชราและคนพิการ 20 ราย จำนวน 40,000 บาท มามอบให้ชาวบ้าน จากนั้นนำไปสมทบการก่อสร้างศาลาที่พักศพนั้น ป.ป.ท.จะต้องทำการตรวจสอบทั้งหมดว่ารายชื่อทั้ง 20 คนนั้นเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยตามระเบียบหรือไม่ รวมถึงว่าการใช้เงินผิดประเภท เนื่องจากมีการจ่ายเงินให้ชาวบ้านไปแล้ว และชาวบ้านก็ได้รับจริง แต่การได้รับเงินครั้งนี้ได้นำไปสร้างศาลาที่พักศพ ซึ่งตรงนี้มองว่าเป็นการบริจาคเงินทำบุญร่วมกัน ทั้งนี้ จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป และหากผู้นำชุมชนหรือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมีข้อสงสัยในเรื่องรายชื่อเกี่ยวกับการรับเงินสงเคราะห์ในด้านต่างๆ หรือเคยร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินจากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น รวมทั้งการต้องการแจ้งข้อมูลต่างๆ สามารถประสานข้อมูลมาได้ที่สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 หมายเลขโทรศัพท์ 0-4323-9092-3. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"