ตลาดโผล่เย้ย'ป้า' เขตอ้างที่ส่วนตัว


เพิ่มเพื่อน    

    ลองดีคำสั่งศาล ตลาดนัดโผล่อีกแล้ว ห่างจากจุดเดิมแค่ 50 เมตร ผอ.เขตประเวศอ้างพื้นที่ส่วนบุคคล กฎหมายเอื้อมไม่ถึง ทั้งต้องเห็นใจคนทำมาหากิน ทำได้แค่ตั้งแผงเหล็กพร้อมประกาศขู่จับปรับ 2 พัน รองโฆษกศาลปกครองชี้ใครเดือดร้อนยื่นฟ้องได้ทันที ชี้เขตต้องรับผิดชอบความขัดแย้งของคนในพื้นที่
    เมื่อวันที่ 11 มีนาคมนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Ajapim Aroonlucksana" ระบุว่า เป็นผู้อาศัยอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ได้โพสต์รูปภาพจำนวน 9 รูป เผยให้เห็นบรรยากาศภายในซอยศรีนครินทร์ 55 ที่เกิดการตั้งตลาดขนาดย่อมขึ้น หลังจากที่ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสั่งปิดตลาดทั้ง 5 แห่งที่ล้อมบ้าน น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ จนเกิดการฟ้องร้องและศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว น.ส.บุญศรี แต่กลับมีตลาดเถื่อนผุดขึ้นมาห่างจากจุดที่มีปัญหาประมาณ 50 เมตร และมีผู้มาซื้อขายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
    "ขำๆ หรือขำไม่ออกไม่รู้ค่ะ คุ้มครองบ้านป้าทุบรถ สั่งปิดทุกตลาด แต่ไหงมาเปิดใหม่ตรงรั้วบ้านดิชั้นคะคุณ ห่างกัน 50 เมตร ไม่ถึง เมื่อครั้งนึงเคยเห็นใจแม่ค้า แต่ตอนนี้คิดว่าแม่ค้าดันทุรัง ไม่รักษากฎหมาย แถมมีรัฐเพิกเฉย คงต้องทนๆ ไป ใช่ไหมคะ"
    เรื่องราวดังกล่าวมีการแชร์ต่อในโลกโซเชียลกว่า 500 ครั้ง พร้อมคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งบางรูปที่ถูกโพสต์จะสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เทศกิจนั่งเฉย ปล่อยปละละเลยให้มีการจัดตั้งตลาด
    นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ กล่าวว่า พื้นที่ที่พ่อค้าแม่ค้าไปเปิดแผงขายนั้นเป็นถนนส่วนบุคคล ดังนั้นจึงเกินอำนาจกฎหมายที่จะดำนินการ แต่ตนขอชี้แจงว่า กลุ่มคนที่ปรากฏตามภาพแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ค้า ซึ่งได้รับผลกระทบ 500-600 ราย แต่จะมีเพียงกว่า 20 รายที่เข้ามาค้าขายบริเวณดังกล่าว โดยการเปิดท้ายรถขายอยู่บนถนนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากพื้นที่ที่เขตสั่งควบคุมห้ามจำหน่ายสินค้า 2.ประชาชนที่มาออกกำลังกาย สวนหลวง ร.9 นำอาหารมารับประทานกันเป็นกลุ่มบนทางเท้า หรือเดินมาซื้อของกินหลังเสร็จจากการออกกำลังกาย และ 3.กลุ่มพ่อค้าแม่ค้านอกพื้นที่เข้ามาขาย แต่อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นถนนส่วนบุคคล ตนก็ไม่ได้นิ่งเฉย ขณะนี้ได้เจรจากับผู้ค้าเพื่อทำความเข้าใจ และย้ำกับเจ้าหน้าที่เทศกิจว่าอย่าใช้ไม้แข็ง ให้ใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อลดแรงปะทะที่อาจจะเกิดขึ้นหรือทวีความรุนแรงได้
    นายธนะสิทธิ์กล่าวว่า ตนเห็นใจคนทำมาหากิน ไม่อยากใช้วิธีจับปรับ จึงพยายามหาทางออกให้โดยได้ทำความเข้าใจกับเจ้าของบ้าน ว่าบริเวณที่เกิดตลาดใหม่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และจะนำแผงเหล็กมากั้นให้เป็นสัดส่วน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพตลาดดังกล่าวเป็นตลาดแผงลอยสลับกับรถเข็นจำนวนมาก ยึดผิวจราจรถนนของหมู่บ้านเสรีวิลล่า หน้าสวนหลวง ร.9 ที่มีอยู่ 2 ช่องจราจร ไป 1 ช่องจราจร ขายของตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเวลา 12.00 น. แม้ว่าทางสำนักงานเขตประเวศจะนำแผงเหล็กและเชือกมากั้น พร้อมติดป้ายห้ามขายของบริเวณดังกล่าว ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท ก็ไม่มีพ่อค้าแม่ค้ารายใดเกรงกลัว ต่างขายของตามปกติ กระทั่งในช่วงบ่าย หลังข่าวดังกล่าวรวมทั้งมีผู้โพสต์วิจารณ์ในโลกโซเชียลกันมากขึ้น จึงมีเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตประเวศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ มาถ่ายรูปบริเวณตลาดนัดดังกล่าวแล้วกลับไป 
    ด้านนายวชิระ ชอบแต่ง รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการรบกวนของการมีตลาดนัดเกิดขึ้นใหม่ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า สามารถจะนำความเดือดร้อนมาร้องต่อศาลปกครองเป็นคดีได้เลย โดยอาจไม่ต้องทำกระบวนการร้องเรียนไปยังสำนักงานเขตประเวศหรือ กทม.อีก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทเรื่องการจัดตั้งตลาดโดยไม่ชอบ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ซึ่งโดยหลักการ สำนักงานเขตประเวศในฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครองที่รับผิดชอบพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีก
    เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ในคดีระหว่าง น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ กับพวกรวม 4 คน ผู้ฟ้องคดี กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 1 ผู้อำนวยการเขตประเวศ ที่ 2 สำนักงานเขตประเวศ ที่ 3 กรุงเทพมหานคร ที่ 4 ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่องได้รับความเดือดร้อนจากการจัดตั้งตลาด โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมิให้ผู้ใดก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดในพื้นที่ที่เป็นมูลคดีพิพาทไว้ชั่วคราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
    แต่ต่อมาปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 มีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล ปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร ศาลจึงมีคำสั่งตักเตือนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และปรับผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เป็นเงิน 5 พันบาท และให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครอง ติดตามผลการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"