พบเงื่อนงำอีก กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต/พบโอนเงิน22บัญชีไม่ใช่สถานศึกษา


เพิ่มเพื่อน    

12 มี.ค.-ศธ.“ธีระเกียรติ” เผยตรวจสอบทุจริตโครงการเสมาพัฒนาชีวิต พบโอนเงินไปบัญชีชื่อบุคคล ไม่ใช่บัญชีสถานศึกษา 22 บัญชี เข้าข่ายไม่ชอบมาพากล สั่งการให้ โรงเรียนไปแจ้งความฐานยักยอกทรัพย์ พร้อมขยายผล ตรวจสอบไปยังกองทุนอื่นๆ มอบ ปลัด ศธ. ประสาน ปปง. ดำเนินการเด็ดขาด ลั่น น่าจะจบได้ภายใน 2 เดือน ส่วนผู้บริหารเกี่ยวด้วยหรือไม่ ต้องตรวจสอบ สำหรับการดำเนินการต่อขอศึกษาวัตถุประสงค์ หากภารกิจตรงกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ก็ยินดีจะยกให้


    นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการเสมาพัฒนาชีวิต ว่า จากการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่ปี 2551-2561 มีการโอนเงินไปตามบัญชีที่เป็นชื่อบัญชีบุคคลไม่ใช่บัญชีของสถานศึกษาล่าสุดเพิ่มเป็น 22 บัญชีที่เข้าข่ายไม่ชอบมาพากล ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้โรงเรียนไปแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์ พร้อมทั้งให้ขยายผลการตรวจสอบไปยังกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนส่งเสริมการศึกษาสำหรับผู้พิการ กองทุนเทคโนโลยีทางการศึกษา กองทุนหมุนเวียน รวมทั้งเงินอุดหนุนรายหัวทั้งหมดที่โอนเงินจากส่วนกลางไปยังสถานศึกษา ซึ่งต้องระดมคนตรวจสอบหรือไม่ก็สุ่มสอบ โดยในการประชุมองค์กรหลักในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ตนจะกำชับเรื่องนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งมอบหมายให้ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) ประชุมร่วมกับคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เพื่อหามาตรการเยียวยาและเรียกร้องความผิดทางละเมิด รวมทั้งอายัดทรัพย์ผู้ที่ยักยอกทรัพย์ โดยให้ ปลัด ศธ. ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นการด่วนแล้ว ทุกอย่างต้องจัดการให้เด็ดขาด โดยเร่งรัดให้ดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว เรื่องนี้น่าจะจบได้ภายใน 1-2 เดือนนี้


    “ปัญหาบ้านเมืองเราหมักหมมมานานเป็น 10 ปี ต้องมีการปรับปรุงระบบเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็ว และถ้าคนมีปัญหาก็ต้องจับให้เร็วเพราะพบว่าคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตก็ถูกเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ คือใช้บัญชีหลอกโดยไม่ใช่บัญชีของนักเรียนจริง แต่เป็นของญาติพี่น้องที่นำมาใช้โอนเงิน ซึ่งทราบว่าขณะนี้ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวก็ไม่มาทำงาน จึงขอให้เร่งดำเนินการเพราะต้องคิดถึงเด็กที่ควรจะได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าวด้วย“รมว.ศธ.กล่าว


    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มีผู้บริหารเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะงบที่โอนครั้งละเป็นล้านบาททำไมถึงดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เท่านั้น นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าใครมีอำนาจ มีการดำเนินการตามระเบียบหรือไม่ เหตุใดจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่สามารถมีอำนาจในการโอนเงินมากขนาดนี้ โดยที่ไม่มีระบบการตรวจสอบเชื่อว่าเรื่องนี้ดำเนินการเป็นขบวนการอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ตนทราบเรื่องนี้มีหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยหัวหน้าเป็นผู้นำบัญชีมาเสนอเข้าคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบว่าหัวหน้ารับรู้ด้วยหรือไม่หรือว่าถูกหลอกเช่นกัน ดังนั้นคงต้องขอเวลาตรวจสอบในส่วนนี้ และขอยืนยันว่าไม่มีมวยล้มแน่นอนแต่บางเรื่องต้องใช้เวลาแกะรอย อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้จะยกเลิกกองทุนดังกล่าว แต่ขอดูวัตถุประสงค์ก่อน หากเป็นเรื่องของการช่วยเหลือเด็กยากไร้ ลดความเหลื่อมล้ำ ตนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนฯกำลังอยู่ในสภานิติบัญญัติ ตนยินดีจะยกภารกิจนี้ให้กองทุนฯเพราะเชื่อว่าโปร่งใสกว่า


    “ส่วนกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบพบ ว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนมีส่วยเกี่ยวข้องกับการโกงเงินคนจนนั้น ขณะนี้ผมยังไม่ได้รับรายงาน แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคนยากจนก็ต้องโดนลงโทษไปตามกระบวนการของกฏหมาย ถ้าทาง ป.ป.ท.สอบสวนมาแล้วว่ามีความผิดก็ดูว่าผลสอบเป็นอย่างไรมีความผิดทางวินัยหรือไม่ก็ลงโทษทางวินัย รวมทั้งต้องดำเนินการถอนถอดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในกรณีที่ทำผิดวินัยร้ายแรงด้วย”รมว.ศธ.กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"